คลื่นสมองเพิ่มพลังจิต

คลื่นสมอง 4 ชนิด ในสมองซีกซ้ายและขวา ก่อเกิดการเพิ่มพลังจิตให้มีระดับสูงขึ้น

วิทยาศาสตร์ทางจิต

ในธรรมชาติเมื่อเราทำให้น้ำเคลื่อนไหวเช่น การโยนก้อนหินลงไป ก็จะเกิดเป็นคลื่นพลังงานในน้ำเห็นได้ชัดเป็นระลอกคลื่น ในร่างกายของมนุษย์ก็มีพลังงานคลื่นที่สามารถตรวจวัดได้หลายอย่าง เช่น คลื่นหัวใจ (ตรวจวัดโดย ECG , Electro Cardiograph) คลื่นสมอง ตรวจวัดโดย EEG ( Electro Encephalograph )



คลื่นสมองจะมีลักษณะเคลื่อนไหว ขึ้นและลง เหมือนคลื่นทั่วไป โดยใช้หน่วยการวัดเป็น รอบต่อวินาที ในปัจจุบันวัดคลื่นสมองได้ 4 ชนิด คือ เบต้า Beta อัลฟรา Alpha เธต้า Theta และเดต้า Delta โดยแบ่งตามความถี่ของคลื่น (รอบต่อวินาที)โดย

เบต้า Beta จะมีคลื่นความถี่ที่ 13 ถึง 25 รอบต่อวินาที
ความหมายของคลื่นเบต้า คือ สมองอยู่ในภาวะการทำงานและควบคุมจิตใต้สำนึก เช่น กำลังทำงานทั่วไป กำลังพูด กำลังทำกิจกรรมต่างๆ

อัลฟรา Alpha จะมีคลื่นความถี่ที่ 8 ถึง 12 รอบต่อวินาที
ความหมายของคลื่นอัลฟรา คือ สมองอยู่ในช่วงพักผ่อนหรือกำลังทำสมาธิ วึ่งเป็นช่วงที่สมองสามารถคิดสร้างสรรค์หรือเรียนรู้ได้อย่างรวดเร้ว

เธต้า Thata จะมีคลื่นความถี่ที่ 4 ถึง 11 รอบต่อวินาที
ความหมายของคลื่นเธต้า คือ สมองอยู่ในช่วงเข้าสมาธิแบบลึก มีความเชื่อมโยงกับการเห็นภาพต่างๆ

เดต้า Delta จะมีคลื่นความถี่ที่ 0.5 ถึง 3 รอบต่อวินาที
เป็นช่วงที่สมองหลับอย่างเต็มที่โดยไม่มีความฝันใดๆ หรือ เป็นช่วงที่พักผ่อนอย่างเต็มที่

ในสมองของมนุษย์ยังมีการแบ่งออกเป็น สมองซีกซ้าย และ สมองซีกขวา ซึ่งโดยปกติคลื่นสมองในด้านซ้ายและด้านขวาจะมีความถี่ และการขึ้นลงเป็นอิสระต่อกัน จึงทำให้คลื่นสมองด้านซ้ายและขวาจะแตกต่างกัน .... แต่นักวิทยาศาสตร์ตรวจพบว่าในระหว่างการทำสมาธินั้นจะเกิดการปรับความถี่ของสมองด้านซ้ายและสมองด้านขวาให้ขึ้นลงเหมือนกันเรียกว่า ซิงโคไนท์ Synchronization และ ในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า การเกิดSynchronization ของคลื่นสมองนี้ทำให้เกิดพลังจิตที่เพิ่มขึ้นในมนุษย์และทำให้สามารถเรียนรู้ข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนเกิดความคิดสร้างสรรค์อย่างยอดเยี่ยม

ในอดีตคนเชื่อว่า คลื่นสมองและสารที่หลั่งจากสมองนั้นไม่สามารถบังคับหรือควบคุมการเกิดได้ แต่ปัจจุบันหลังจากมีการทดลองและตรวจวัดทางวิทยาศาสตร์กับนักฝึกจิต พบว่านักฝึกจิตสามารถควบคุมคลื่นสมองและสารที่หลั่งจากสมองได้


 

ข้อคิดเห็น

จริงๆแล้ว ทุกๆคนต่างก็ทราบกันดีว่า การนั่งสมาธิช่วยลดความเครียดได้เป็นอย่างดี แต่เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการแสกนสมองทำให้นักวิจัยค้นพบว่า การทำสมาธิมีผลโดยตรงต่อโครงสร้างและการทำงานของสมอง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในลัษณะที่ไปเพิ่ม attention span ทำให้มุ่งความคิดไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งได้มากขึ้น และทำให้ความจำดีขึ้น งานวิจัยค้นพบว่า การทำสมาธิทุกวันจะไปเพิ่มความหนาของส่วนของสมองที่เรียกว่า cerebral cortex ซึ่งเป็นส่วนที่ทำหน้าที่ในการทำการตัดสินใจ การสร้างความสนใจ และความจำ ซาร่า เลเซอร์ นักวิจัยจากโรงพยาบาลแมสซาชูเซสได้นำเสนอผลวิจัยเบื้องต้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วว่า สารสีเทาในสมองของชายและหญิง 20 คนที่นั่งสมาธิวันละสี่สิบนาทีจะมีความหนากว่าคนที่ไม่ได้นั่งสมาธิเลย งานวิจัยชิ้นนี้เน้นไปที่ การทำสมาธิในแบบตะวันตกที่เรียกว่า mindfulness หรือ insight meditation (รูปแบบนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นการเจริญจิตภาวนา แบบที่กำหนดลมหายใจ และ"ทำความรู้ตัวเต็มที่" ซึ่งจะแตกต่างจากการบำเพ็ญจิตสมาธิที่พระปฎิบัติ ซึ่งเป็นสมาธิขึ้นสูง:ผู้เรียบเรียง) "ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า คุณไม่จำเป็นต้องทำสมาธิในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่จำเป็นต้องทำตลอดทั้งวัน ก็สามารถส่งผลที่ดีขึ้นต่อประสิทธิภาพของสมองคุณได้" เลเซอร์ว่า นอกจากนั้น งานวิจัยของเธอยังแนะนำด้วยว่า การนั่งสมาธิอาจจะไปช่วยชะลอการบางของ cortex ของสมองส่วนนั้น ซึ่งจะโดยปกติจะบางลงตามอายุของคนที่เพิ่มขึ้น รูปแบบของการนั่งสมาธิที่เลเซอร์และนักวิทยาศาสตร์คนอื่นกำลังทำการศึกษาคือการเพ่งจิตไปที่ภาพ เสียง หรือ ลมหายใจอันใดอันหนึ่ง ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนง่ายๆแบบไม่น่าเชื่อ แต่ผลจากการปฎบัติจะช่วยบริหารส่วนของสมองที่ช่วยในการให้ความสนใจต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง(attention) "attention เป็นหัวใจสำคัญของการเรียนรู้ และ การทำสมาธิจะช่วยสร้างความเป็นระเบียบในจิตส่วนนี้" ริชาร์ด เดวิดสัน ผู้อำนวยการของ Laboratory for Affective Neuroscience at the University of Wisconsin ได้เคยกล่าวไว้ ตั้งแต่ปี 1992 เขาได้ร่วมกับองค์ดาไลลามะ เพื่อศึกษาสมองของพระชาวธิเบตที่เขาเรียกว่า นักกีฬาโอลิมปิกประเภทการนั่งสมาธิ โดยการตรวจสอบด้วยเครื่องเซ็นเซอร์ซึ่งถูกติดตั้งไว้ที่หัวของพระ เดวิดสันสามารถจับสัญญาณคลื่นแกมม่าที่มีพลังงานสูงจากปกติ ซึ่งมีจังหวะที่ประสานกัน(synchronize)ดีกว่าคนที่เริ่มต้นนั่งสมาธิใหม่ๆ ซึ่งการที่คลื่นแกมม่าที่จังหวะประสานกันนี้จะช่วยในการเพิ่มการรับรู้(awareness)ให้กับสมอง หลายๆคนที่ได้มีการนั่งสมาธิกล่าวว่า การปฎิบัติอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้พวกเขาฟื้นกำลังได้ดี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เขาทำงานที่ยากๆที่ต้องการความตั้งใจสูงได้ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ การงีบหลับเวลางานก็ช่วยได้เหมือนกันรึเปล่า? "ไม่เลย" บรูซ โอฮาร่า รองศาสตราจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยามหาวิทยาลัยเคนตักกี้ว่า ในงานวิจัยที่กำลังจะตีพิมพ์ในปีนี้ โอฮาร่าได้ศึกษาเปรียบเทียบนักศึกษาที่นั่งสมาธิ นอน และดูทีวี ซึ่งเขาได้ใช้แบบทดสอบที่นักจิตวิทยามักจะใช้กันที่เรียกว่า phychomotor vigilance ซึ่งพบว่า คนที่นั่งสมาธิ จะตอบสนองได้ดีกว่า 10% ซึ่งหมายความว่า การนั่งสมาธิจะต่างจากการนอนตรงที่เมื่อเสร็จจากสมาธิคนคนนั้นจะมีการตอบสนองได้ดีโดยปราศจากอาการงัวเงีย ไม่แปลกเลยที่บริษัทใหญ่ๆทั้งหลายเช่น ด๊อยช์แบงค์ google และ ฮิวส์ แอร์คราฟท์ ได้จัดให้มีห้องเรียนสอนการนั่งสมาธิให้กับพนักงาน เจฟฟรีย์ อับบรามสัน ซีอีโอของบริษัท ทาวเวอร์ในวอชิงตันกล่าวว่า 75% ของพนักงานสนใจที่เข้าเรียนการทำสมาธิ การทำให้พนักงานฉลาดขึ้นไม่เพียงเป็นข้อดีของการนั่งสมาธิ จากการเก็บรวบรวมข้อมูลพบว่า มันสามารถทำให้ productivity ดีขึ้น โดยการป้องกันความเครียดที่ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยจนทำให้ขาดงาน ข้อดีอีกอย่างสำหรับนายจ้างคือ การนั่งสมาธิช่วยในการควบคุมอารมณ์ซึ่งมีส่วนอย่างมากในการทำให้การทำงานกับพนักงานเป็นไปได้ด้วยดี "หนึ่งในประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของการนั่งสมาธิคือการเพิ่มความฉลาดทางอารมณ์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญกับชีวิตมากกว่าด้านอื่นๆทั้งหมด" ดร.เดวิสันกล่าว เพื่อบริหารสมองให้ดีขึ้น ง่ายๆ แค่หลับตา กำหนดลมหายใจ และเจริญจิตภาวนาก็เพียงพอแล้วครับทุกท่าน แปลและเรียบเรียงจากนิตยสาร TIME ฉบับ January 23, 2006

เพื่อบริหารสมองให้ดีขึ้น ง่ายๆ แค่หลับตา กำหนดลมหายใจ และเจริญจิตภาวนาก็เพียงพอแล้วครับทุกท่าน//จากตรงนี้ดิฉันอยากต่อยอดสักนิดตามที่เคยปฎิบัติมา การทำสมาธินั้นของเพียงผ่อนคลายความเครียดของใจและกาย อิริยาบมที่สบาย นั่ง ยืน นอน ถ้าสบายใช้ได้ ท่าที่ดิฉันใช้คือนั่งโซฟาให้เต็มก้น หลังพิงพนัก แขนพักเบาๆบนเท้าแขนของโซฟา ปล่อยมือแบวางที่หน้าขา ศีรษะหงายพิงพอสบาย ถ้าไม่สบายก็จัดให้สบาย ปล่อยกรามห้อย อย่ากัดกรามหรือฟัน หลับตาเบาๆไม่ใช่หลับตาปี๋ หายใจเข้าลึกๆ กลั้นไว้ นับ 1 2 3 แล้วหายใจออก หายใจยิ่งลึกยิ่งดีให้ถึงปอดตอนล่าง ทำอย่านี้3-4ครั้ง จากนั้นหายใจธรรมดา จากนี้นับลงจาก 20 ถึง 1 ทุกครั้งที่หายใจออกก็นับลงไปที่ละตัวเลข แค่นี้คลื่นสมองก็เปลี่ยนจาก เบต้า มาเป็นอัลฟ่าแล้ว จากนี้มีต่อลึกลงไปอีก ให้ ถึงธีต้า หรือ เดลต้าก็ได้ แต่ต้องใช้แรงคนที่รู้วิธีนะ

เป็นวิธีที่ได้ผลจริง ๆค่ะ

ตอนที่ทำ ตอนกลางวันมีแสง พอหลับตาเราจะมองเห็นเป็นสีออกแดงๆใช่ไหมครับ แต่พอกำหนดลมหายใจไปซักพัก จะรู้สึกว่า สีแดงที่เราเห็น จะเริ่มอ่อนลงๆ จนเป้สีเขียวเข้ม แล้วลองเพ่งไปในสีเขียวจะเห็นเป็นดวงสีส้มๆขนาดประมาณลูกแก้วอ่ะครับ มันหมายความว่าอย่างไรหรอครับ

ดีครับ ผมว่านั้นแหละเป็นสมาธิขั้นแลกของตัวคุณที่เจอ..จริงๆดวงสีส้มที่คุณเห็นนั้นมันแสงแห่งธรรมที่จะทำให้คุณมีสมาธิ นั้งไปเลื่อยๆจะรู้สึกดีมากๆลองดูเลื่อยๆนะครับ

ขอบคุณคะ

ผมนั่งสมาธิประมาณ 30-45 ต่อวันตอนนี้ผมอายุ 15 ปี

ถ้าคลื่นสมองผมเป็นอัลฟราผมก้อจะเก่งที่สุดในห้องเลยสินะเพราะการรับรู้จะไว

เพราะเขาเป็นคลื่นเบต้าเรื่องพวกนี้คนเขาไม่ค่อยสนใจกันมีส่วนน้อยมากๆในปัจจุบัน

Pongsakorn_Lampang@hotmail.com

อีกไม่นานคงเป็นคลื่นอัลฟราละเพราะผมมีเวลานั่งสมาธินานๆได้จะเพิ่มเวลาอีก

แล้วผมมีอะไรจะถามอีกเยอะช่วยแอสเมลมาหน่อยดิไม่มีเมลก้อสมัครแล้วมาคุยกับผมหน่อยอยากคุยเรื่องการเข้าญาณมันเป็นยังไงทำได้อย่างไรแล้วก้ออยากรู้ว่า

สวรรค์และนรกมีจริงหรือเปล่าถ้าใครถอดจิตแล้วไปเดินเล่นแถวนั้นได้บอกผมหน่อยดิ

แล้วมันไปอยู่ส่วนไหนของโลกล่ะนรกเนี่ยแล้วสวรรค์เท่าที่ผมรู้มันอยู่บนท้องฟ้าเครื่องบนก้อชนสวรรค์แตกพอดี

ผมอยากลองฝึกนั่งสมาธิต้องทำยังไงบ้างแบบตอนกำหนกลมหายใจให้นึกถึงอะไรผมอยากลองฝึกอะครับ

อยากคุยกับมนุษย์ต่างดาวอะครับ ขอบคุณครับ

ที่จริงการทำสมาธิก็สามารถทำได้ทุกขณะนะ  ถ้างัยก็หาที่สงบแล้วก็ลองนั่งดู จะกำหนดลมหายใจก็ได้ ทำไปเรื่อยๆ

หนูอยากจะฝึกดูบ้างค่ะ มีวีธีแนะนำอย่างไรบ้างค่ะ.....

Pages