ทำไมนั่งสมาธิแล้วไม่เคยเห็นนิมิต

ปฎิบัติธรรมมาได้ 2 ปีกว่านั่งสมาธิแล้วไม่เคยเห็นนิต แปลกไหม

ไม่ได้อยากเห็นแต่สงสัยว่าเกิดจากอะไร

หรือเป็นเพราะจิตเราไม่ส่งออกนอก ปรุงแต่งสร้างภาพในจิต

หรือเป็นเพราะเราไม่มีบุญทำให้ไม่มีอาจารย์ทางจิตละเอียดมาสอนสภาวะธรรมให้เห็นเป็นภาพต่างๆ เช่น เห็นโครงกระดูก เห็นเทวดา

ใครมีอะไรจะ share ก็ยินดี

ไม่ทราบว่าที่นั่งสมาธิคุณได้กำหนดอะไรเป็นอารมณ์ พองหนอ-ยุบหนอ หรือว่าอะไรครับ จะได้อธิบายถูกครับ

เคยกำหนดพุทโธ จนตอนหลังจิตมันละพุทโธไปเองโดยอัตโนมัติ

เหมือนพอมันสงบตั้งมั่นดีแล้วก็ละคำบริกรรม

 

ghostbbot01's picture

อันนั้นผมว่า มันคงเป็นกิเลสที่คุณ มีอยู่ และคุณนั่งสมาธิ ทำไมกันหรือ

 

การนั่งสมาธิเพราะ บริหารจิตก็ถูกต้องแล้ว แต่จะเห็น นิมิตนั้นคงแล้ว แต่บุญ

 

หรือเจ้ากรรมนายเวร ไม่ให้เห็นเป็น ว่าได้

 

แนะนำคือท่านต้อง สวดมนภาวนา แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร

 

แล้วทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร

 

ถามอีกก้อได้ที่ ghostbbot@hotmail.com

ที่ไม่เห็นนิมิต เพราะจิตเราจดจ่อที่จะต้องการเห็นนิมิตมันจึงฟุ้ง คือจิตไม่ว่างพอ ยังมีกิเลศในความยากเห็นอยู่

ควรนั่งสมาธิแล้วกำหนดจิต  ให้เป็นหนึ่งเดียว รับรู้หรือเห็นอะไร ก็ให้กำหนดเห็นหนอเท่านั้น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามานั้นคือนิมิตทั้งสิ้น ซึ่งแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน 

สิ่งสำคัญอย่าทำสมาธิเพื่อมุ่งหวังเพียงแค่อยากเห็นนิมิตเท่านั้นนะ  ขอให้โชคดี สาธุ

การเห็นนิมิตเกิดจากการบำเพ็ญจิตให้บังเกิดสมาธิอันแน่วแน่แล้ว ซึ่งมี 3 อย่าง คือ

1. การเห็นที่เกิดจากความตั้งใจหรือความปารถนาของจิตเอง อันนี้ไม่ถือว่าเป็นสมาธิ หากเป็นเพียงแค่อุปทาน

2. การเห็นอย่างที่ 2 เป็นการเห็นเพื่อขอส่วนบุญ  เพราะเหตุแห่งมารนำจิตไป หรือมิฉะนั้นดวงวิญญาณทั้งหลายที่มีความทุกข์ต้องการมาติดต่อขอส่วนบุญ เพื่อบรรเทาความทุกข์เดือดร้อนอดอยาก การเห็นเช่นนี้เห็นโดยจิตที่มิได้ปารถนา มิได้ตั้งใจ หรืออุปทานอย่างหนึ่งอย่างใดไว้ เมื่อเกิดภาพนี้ขึ้นให้แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลแก่เขาไป อาจเป็นบรรพบุรุษ ญาติพี่น้อง เจ้ากรรมนายเวร เป็นต้น

3. การเห็นอย่างที่3  เป็นการเห็นโดยนิมิตอันประเสริฐ เช่น เห็นพุทธนิมิต เทพนิมิต พรหมนิมิตทั้งหลาย เป็นต้น การเห็นแสงสว่างทั้งปวงก็ดี การเห็นเช่นนี้เป็นเครื่องบอกว่า ได้เดินเข้าไปในทางที่จะสามารถติดต่อกับทิพย์วิญญาณทั้งหลายได้

แต่ขอให้พึงพิจารณาแยกให้ออกว่า..อันไหนเป็นนิมิต..อันไหนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อขอส่วนบุญ..อันไหนเป็นอุปทานที่เกิดจากความปารถนาของดวงจิต จงมีสติตั้งมั่นคุ้มครองดวงจิตโดยที่ไม่ต้องคิดหรือหวังจะให้เกิดนิมิต..เพราะนั่นคือ สิ่งที่จะชักนำดวงจิตของเราให้เข้าไปสู่ทาง..อกุศล...ได้!!!

 

 

[quote=สโนว์แมน]

การเห็นนิมิตเกิดจากการบำเพ็ญจิตให้บังเกิดสมาธิอันแน่วแน่แล้ว ซึ่งมี 3 อย่าง คือ

1. การเห็นที่เกิดจากความตั้งใจหรือความปารถนาของจิตเอง อันนี้ไม่ถือว่าเป็นสมาธิ หากเป็นเพียงแค่อุปทาน

2. การเห็นอย่างที่ 2 เป็นการเห็นเพื่อขอส่วนบุญ  เพราะเหตุแห่งมารนำจิตไป หรือมิฉะนั้นดวงวิญญาณทั้งหลายที่มีความทุกข์ต้องการมาติดต่อขอส่วนบุญ เพื่อบรรเทาความทุกข์เดือดร้อนอดอยาก การเห็นเช่นนี้เห็นโดยจิตที่มิได้ปารถนา มิได้ตั้งใจ หรืออุปทานอย่างหนึ่งอย่างใดไว้ เมื่อเกิดภาพนี้ขึ้นให้แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลแก่เขาไป อาจเป็นบรรพบุรุษ ญาติพี่น้อง เจ้ากรรมนายเวร เป็นต้น

3. การเห็นอย่างที่3  เป็นการเห็นโดยนิมิตอันประเสริฐ เช่น เห็นพุทธนิมิต เทพนิมิต พรหมนิมิตทั้งหลาย เป็นต้น การเห็นแสงสว่างทั้งปวงก็ดี การเห็นเช่นนี้เป็นเครื่องบอกว่า ได้เดินเข้าไปในทางที่จะสามารถติดต่อกับทิพย์วิญญาณทั้งหลายได้

แต่ขอให้พึงพิจารณาแยกให้ออกว่า..อันไหนเป็นนิมิต..อันไหนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อขอส่วนบุญ..อันไหนเป็นอุปทานที่เกิดจากความปารถนาของดวงจิต จงมีสติตั้งมั่นคุ้มครองดวงจิตโดยที่ไม่ต้องคิดหรือหวังจะให้เกิดนิมิต..เพราะนั่นคือ สิ่งที่จะชักนำดวงจิตของเราให้เข้าไปสู่ทาง..อกุศล...ได้!!!

 

 

[/quote]

ส่วนตัวผม เคยนั่งสมาธิตามหลักสติปฏิฐาน4 เเล้วได้ถึงขั้นเวทนานุปัสนา คือ นั่งจนจับความรุ้สึกเมื่อยได้เเล้วเพ่งว่า กายเราที่เมื่อย ความเมื่อยไม่จีรัง จนหายเมื่อยไปเอง ซึ้งใช้เวลาค่อนข้างนาน

เเต่มีครั้งหนึ่งลองนั่งสมาธิตอนเมากัญชา เเล้วเหมือนข้ามกายนุปัสสนาไป คือด้วยริษของกัญชามันทำให้คลื่นสมองเต้นช้าอยู่เเล้ว เลยจับจิตได้เร็วกว่า เช่นสูปเสร็จไม่ต้องนั่งสมาธิก็รุ้สึกได้ว่าถ้าไม่คิดถึงเรื่องอื่นมาคิดถึงเเต่ร่างการเรา จะรุ้สึกถึงการไหลเวียนของเลือด หรือ ลองเล่นพลังจิตให้ไหลไปสู่จุดต่างๆ เเล้วผมลองใช้หลังเวทนานุปัสสนา จนถึงจิจจานุปัสสนา จนถึงจุดหนึ่งผมรุ้สึกว่าว่างมาก ทุกสิ่งที่อยู่รอบพอลืมตาหรือหลับตารุ้สึงว่าทุกอย่างวิ่งมารวมที่จุดๆเดียวเป็นเส้นหลายเส้นมารวมที่จุดเดียวเเล้วรุ้สึกว่าตัวเราไหวจิตเราไหว เหมือร่างกายไม่ใช่ของเรา เเต่เราโคลงเคลงไปมาลอยอยู่ในอวกาศ เหมือนไม่มีตัวเราโลกเรา สิ่งรอบกายเรา  มีเเต่จิตเราลอยเค้วงเหมือนอยู่บนเรือที่มีคลื้นเเรงซัดไปมา   จนทนไม่ไหวจึงออกจากสมาธิ

ซึ่งผมปกติชอบเมากัญชาเป็นชีวิตจิตใจ เเต่ลองเมาเเล้วมานั่งสมาธิเป็นครั้งเเรก ส่วนตัวผมศึกษาศาสนาพุทธโดนมีพื้นฐานจากเซน จึงไม่ค่อยนั่งสมาธิซักเท่าไร

 

จึงอยากเรียนถามผู้ที่เคยนั่งจนถึงณาณที่เเท้จริงครับ

 

จงจำไว้ว่า ถ้าคุณอยากเห็นอะไรหรืออยากเห็นนิมิต คุณจงพูดว่าหรือคิดในใจว่า ไม่อยากเห็น ไม่อยากรู้ ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น ยิ่งคุณอยากเห็นคุณยิ่งไม่เห็นในสิ่งที่คุณอยากเห็นหรืออยากได้

การเห็นนิมิตนั้นถ้าเราเป็นบุคคลธรรมดา เคยได้ยินผู้รู้ท่านกล่าวไว้ว่า "เกิดจากบุคคลคนนั้นเขามีบุญเก่าของเขานั่นเอง" ซึ่งจะเห็นได้โดยไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิก็ได้ครับ แต่การที่จะเห็นเลยนั้นต้องไม่แน่ใจว่าเป็นแบบ ฌานสาม ฌาณสี่ อะไรประมาณนั้นหรือเปล่า แล้วมันจะมีขั้นตอนด้วยกันแล้วแต่ว่าจะเห็นแบบไหน เช่น เช่น กรรม หรือการกระทำในอดีตของเราหรือคนอื่น เป็นต้น

      สงสัยเหมือนกันว่าทำไมเรานั่งสมาธิแล้วเห็นอยู่เสมอ..บางครั้งเห็นสมเด็จพระพุทธอาจารย์โต พรหมรังสี นั่งสมาธิบนศรีษะเรา เห็นเทวดาร่ายรำ เห็นผูคนจำนวนมากเดินลงไปในทะเลดำกว้างใหญ่ไพศาลมองไม่เห็นฝั่ง  และล่าสุดเห็นพระสงฆ์นั้งสมาธิลอยมาผ่านตรงหน้าและอ้อมไปด้านหลังมาหยุดอยู่ทางด้านซ้ายมือเรา เห็นบาตรพระใหญ่มากลอยมาวางตรงหน้าที่เรานั่งสมาธิอยู่มองเข้าไปในบาตรเป็นแต่ความว่างเปล่า  เล่าให้น้องฟัง น้องบอกว่าแก่กินมากไปเลยเห็นไปเรี่อย  น้องบอกว่าทำไมเขานั่งจึงไม่เห็นอะไรเลย มืดสนิท ปกติเราจะนั่งสมาธิทุกวันเวลากลางคืนช่วงประมาณ ตี 1 ถึง ตี 3 บางแล้วแต่กรณี  กลัวตัวเองเหมือนกันว่าเริ่มบ้าธาตุไฟแตกหรือเปล่านะ....

    ใครเป็นอย่างเราบาง....ชวยบอกหน่อย

Pages