รอบโลกภัยพิบัติ

“Architectural Warming”
ดัตช์ตื่นตัวสร้างบ้านลอยน้ำ รับมือภาวะโลกร้อน-หนีน้ำท่วม



บ้านแต่ละหลังสร้างด้วยไม้และอะลูมิเนี่ยมน้ำหนักเบา





ในอนาคตโลกเราอาจจะมีการสร้างบ้านลอยน้ำไว้เพื่อรับมือกับอุทกภัย
โพสต์เมื่อ: 11:33 วันที่ 1 ก.ย. 2550

แนวคิดในการสร้างบ้านแบบที่ว่านี้ เกิดขึ้นมาจากเหตุการณ์น้ำท่วมโลกเมื่อ 4,000 ปีก่อนที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิล และชายคนหนึ่งชื่อโนอาก็สามารถรอดชีวิตได้ เนื่องจากเขาได้ต่อเรือไว้รับมือกับเหตุการณ์นี้ และใช้ชีวิตอยู่อาศัยบนเรือลำนี้เป็นระยะเวลานานจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ ซึ่งก็เหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ประจวบเหมาะกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับโลกเราในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อน แผ่นดินไหว ซึนามิ และอุทกภัยอย่างรุนแรง


อย่างที่เห็นล่าสุดก็คือ เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปีของประเทศอังกฤษ ที่ส่งผลให้ประชากรกว่า 30,000 คนไร้ที่อยู่อาศัย และทำให้บริษัทประกันภัยต่างๆ ต้องจ่ายค่าชดเชยไปกว่า 6 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ


นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ฝนตกหนัก โคลนถล่มที่ประเทศอินเดีย เนปาล และบังกลาเทศที่คร่าชีวิตผู้คนและทำให้คนไร้ที่อยู่เป็นจำนวนมาก


ที่สำคัญได้มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านได้ทำนายไปในทิศทางเดียวกันว่า ในอนาคตข้างหน้านี้ โลกของเรานั้นจะมีปริมาณน้ำที่มากขึ้น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมบริเวณที่อยู่อาศัยของคนเป็นบริเวณกว้าง จึงทำให้มีคนเกิดแนวคิดที่จะสร้างบ้านที่สามารถลอยตัวบนน้ำได้ เพื่อรองรับกับเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น


แนวคิดการสร้างบ้านแบบใหม่นี้จะต่างจากบ้านแบบธรรมดาตรงที่การออกแบบและวัสดุที่ใช้จะค่อนข้างยืดหยุ่นและลอยตัวได้เมื่อน้ำท่วมหรือน้ำทะเลหนุนขึ้นสูงถึง 5 เมตร ซึ่งบริษัทที่คิดค้นได้มีการพัฒนาแบบบ้านมาสองแบบ โดยแบบแรกคือบ้านที่ปกติก็ลอยตัวอยู่บนน้ำเลยเหมือนเรือ และแบบที่สองที่ในสภาวะปกติก็ทรงตัวบนผืนแผ่นดินธรรมดาเหมือนทั่วๆไป แต่ถ้าเกิดกรณีน้ำท่วมขึ้นมา ตัวบ้านก็จะสามารถลอยตัวขึ้นเหนือน้ำเหมือนเรือ


ซึ่งวัสดุที่ใช้ในการสร้างจะใช้กล่องคอนกรีตสี่เหลี่ยมกลวงมาทำเป็นฐาน เพื่อทำให้บ้านลอยตัวได้บนน้ำ และใช้เสาเหล็กกล้าเป็นโครงสร้างหลักและเสริมความมั่นคงของตัวบ้าน ส่วนของสาธารณูปโภค เช่น น้ำและไฟนั้นจะมีการส่งผ่านท่อที่มีความแข็งแรงและยืดหยุ่นมากต่อกระแสน้ำที่จะมาปะทะอีกด้วย


และในส่วนที่เหลือต่างๆไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ภายในบ้าน หรือแบบบ้านนั้นก็คล้ายกับบ้านปกติโดยทั่วไป เช่น ต้องการที่จะมีระเบียงบ้านยื่นออกไป หรือต้องการติดบานพับหน้าต่างและทาสีต่างๆ


ซึ่งบ้านแบบใหม่ที่ว่านี้นอกจากจะออกแบบและสร้างไว้เพื่อรับมือกับน้ำท่วมแล้ว บ้านแบบนี้ก็ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย


โดยแนวคิดนี้ ได้ใช้เวลาในการพัฒนาและค้นคว้ามากว่าสามปีโดยบริษัททางวิศวกรรมสถาปัตยกรรมชั้นนำในประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ชื่อว่า Dutch architectural form Factor Architecten ซึ่งโครงการนี้เกิดขึ้นมาจากว่าที่ประเทศเนเธอร์แลนด์นั้น พื้นที่ครึ่งหนึ่งของประเทศมีระดับอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล จึ่งทำให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมอยู่เสมอ ทางบริษัทจึงคืดหาทางแก้ไข ซึ่งทางแก้นี้ดูเหมือนว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับประชากรในประเทศ และทั่วโลกอีกด้วย






บทความ: 

ข้อคิดเห็น

"ภัยธรรมชาติ"เกิดบ่อย สูงกว่า20ปีก่อนถึง4เท่า

"อ็อกซ์แฟม" ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลของอังกฤษ เปิดเผยการศึกษาถึงภัยธรรมชาติว่า ปัจจุบันโลกเกิดภัยธรรมชาติมากกว่า 20 ปีก่อนถึง 4 เท่า ทั้งนี้ สาเหตุส่วนใหญ่มาจากภาวะโลกร้อน และประชาชนจากประเทศยากจนเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุด

นางบาบร่า สต็อกกิ้ง ผู้บริหารของอ็อกซ์แฟมเปิดเผยว่า เมื่อ 20 ปีก่อน มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นในโลกปีละประมาณ 120 ครั้ง แต่เดี๋ยวนี้เพิ่มเป็น 500 ครั้ง อย่างในปีนี้ มีน้ำท่วมหนักในเอเชียใต้ ไปจนถึงแอฟริกาและเม็กซิโก สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน 250 ล้านคน ซึ่งโลกจะต้องเตรียมพร้อมในการรับมือหายนะทางธรรมชาติ ด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยเร็ว ทั่วถึง รวมทั้งลดความเสี่ยงในการเกิดหายนะ มิฉะนั้นแล้วจะเป็นอันตรายต่อการพัฒนามนุษย์

นางสต็อกกิ้งเปิดเผยด้วยว่า ค.ศ.1985-1994 มีผู้ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ 174 ล้านคน แต่ระหว่างค.ศ.1995-2004 เพิ่มเป็น 254 คน มีผู้เดือดร้อนเพิ่มถึง 70% และเมื่อค.ศ.1980 มีภัยธรรมชาติจากน้ำท่วมและพายุ 60 ครั้ง ปีที่แล้วมี 240 ครั้ง ส่วนอัตราการเกิดของแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดนั้นไม่เปลี่ยนแปลง

นักวิทยาศาสตร์ชี้สาหร่ายทะเล อาจเป็นอาวุธที่ต่อสู้โลกร้อนได้ นักวิทยาศาสตร์เกาหลีใต้ระบุ สาหร่ายทะเลอาจเป็นอาวุธที่สามารถช่วยต่อสู้กับโลกร้อนได้ (8ธค.) นายชอง อิก เกียว นักวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมของเกาหลีใต้ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมริเริ่มโครงการวิจัยเรื่องนี้ กล่าวระหว่างประ ชุมโลกร้อนที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซียว่า สาหร่ายทะเลอาจใช้เป็นอาวุธที่ต่อสู้กับโลกร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการที่มันสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสา เหตุของภาวะโลกร้อน ออกจากชั้นบรรยากาศได้มากกว่าป่าดิบที่เคยคิดว่าสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากที่สุดแล้ว นายชองบอกว่า พืชพรรณ สาหร่ายทะเล และหญ้าทะเล สามารถดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านกระบวนการสังเคราะห์แสงและเป็นกระบวนการเดียวกับที่เกิดขึ้นในน้ำ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทีมวิจัยคิดถึงมหาสมุทร ที่กว้างใหญ่ไพศาล และเนื่องจากโลกมีพื้นดินสำหรับปลูกต้นไม้จำกัด ดังนั้นจึงต้องหันมาใช้สาหร่ายและหญ้าทะเลที่มีอยู่ในมหาสมุทรเป็นตัวช่วยบรรเทาปัญหาโลกร้อน ทีมนักวิจัยระบุด้วยว่า กุญแจสำคัญของการใช้สาหร่ายทะเลในการดูดซับก๊าซคาร์บอน ไดออกไซด์ คือมันมีอัตราการสังเคราะห์แสงได้อย่างรวดเร็ว โดยสาหร่ายบางชนิด สามารถเติบโตได้ยาว 3-4 เมตรในช่วงเวลาเพียง 3 เดือน ขณะที่กระทรวงประมงของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตสาหร่ายรายใหญ่ของโลกบอกว่า สาหร่ายบางชนิด สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าต้นไม้บนพื้นดินถึง 5 เท่า ทีมนักวิจัยสาหร่ายทะเล ที่ได้รับการสนับสนุนจากนักวิทยาศาสตร์ใน 12 ประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะคำนวนว่า พืชกำลังดูดซับก๊าซคาร์บอน ไดออกไซด์ออกจากชั้นบรรยากาศปริมาณเท่าใด และหาหนทางของการปลูกพืชเพื่อเพิ่มปริมาณการดูดซับ สาหร่ายทะเลเป็นอาหารยอดนิยมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่นำมาทำซุป ซูชิ และสลัด โดยมีการนำสาหร่ายทะเลมาใช้คิดเป็น 80 % ของโลก ซึ่งจีนเป็นประเทศที่ผลิตสาหร่ายทะเลมากที่สุดในโลก ตามมาด้วยเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ที่มา หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

โลกวิปริต!!หิมะตกที่แบกแดดในรอบกว่า100 ปี


โดย ผู้จัดการออนไลน์ 12 มกราคม 2551 00:29 น.
หิมะแบกแดด
เอเอฟพี - หิมะตกเบาบางในแบกแดดช่วงค่ำวันของศุกร์(11) ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่พยากรณ์อากาศอ้างว่านี่นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 100 ปีที่มีหิมะตกในเมืองหลวงของอิรัก

เหตุหิมะตกที่นานๆจะมีสักครั้ง ยังปรากฎในแถบตะวันตกและตอนกลางของอิรักด้วย ท่ามกลางความหนาวเย็นของอากาศที่อุณหภูมิลดต่ำลงเหลือเพียง 0 องศาเซลเซียสและอาจลดต่ำกว่านี้ เจ้าหน้าที่ระบุ

หิมะในแบกแดด เริ่มตกลงมาเมื่อตั้งแต่ช่วงรุ่งสางของเช้าวันศุกร์ ก่อนจะหยุดเมื่อตอนหลัง 9 โมงเช้าไปแล้ว ขณะที่มันหลอมละลายหลังตกลงสู่พื้น ชาวบ้านรายหนึ่งบอก

"หิมะตกในแบกแดด นับเป็นครั้งแรกในรอบราวหนึ่งร้อยปี อันเนื่องมาจากอากาศ 2 สภาวะไหลมาบรรจบกัน" แถลงการณ์กรมอุตุนิยมวิทยาเผย "สภาวะแรกคือเย็นและแห้ง ส่วนสภาวะที่สองคืออุ่นและชื้น ทั้งสองมาบรรจบกันเหนืออิรัก"

ผู้อำนวยการของกรมอุตุนิยมวิทยาของอิรักให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่าเหตุการณ์ที่ผิดปกติมีความเป็นไปได้เป็นผลสืบเนื่องมาจากสภาวะโลกร้อน

"นานๆถึงจะมีสักครั้ง ในความทรงจำของช่วงชีวิตหนึ่งไม่เคยเห็นหิมะตกมาก่อนเลยในแบกแดด" เขากล่าว "หิมะตกครั้งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสภาวะโลกร้อนซึ่งกำลังเกิดขึ้นกับทุกที่" ทั้งนี้มีรายงานว่าหิมะได้ตกลงมาแถบภูเขาเคอร์ดิช ทางตอนเหนือของประเทศเช่นกัน แต่บริเวณดังกล่าวหิมะตกเป็นปกติอยู่แล้ว

ประหลาดดี

ความผันแปรของธรรมชาติจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากธรรมชาติขาดความสมดุลย์ จะมีอะไรแปลกๆใกล้ตัวเรามากขึ้นเรื่อยๆ ควรติดตามดู และประเมินสถานการณ์กับเรื่องที่อาจเกิดขึ้น เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว ความหนาวจัด หรือร้อนจัด

ขอบคุณมากสำหรับการแจ้งข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์ต่อผู้คนในยุคปัจจุบันนี้