เคล็ดลับการคิด ชีวิตก้าวหน้า

จิตวิทยา กระบวนการคิด

คุณเคยเห็นคนที่ก้าวไป ไม่ย่อท้อภายใต้ความเครียดไหม คุณรู้ดีว่าคนประเภทไหนที่เป็นแบบนี้ เวลาที่คุณคิดว่างานหนักท่วมทับ คนพวกนี้จะเห็นเป็นความท้าทายที่น่าตื่นเต้น เวลาที่คุณเห็นหนทางน่ากลัวในดินแดนที่ไม่เคยไป พวกเขาเห็นเป็นการผจญภัย
บาง ที คนพวกนี้รู้ว่าอย่างน้อยวิธีเอาชนะผลกระทบด้านลบของความเครียดซึ่งอาจเป็น สาเหตุให้น้ำหนักเพิ่ม เป็นโรคหัวใจ ซึมเศร้าและวิตกกังวล อยู่ที่การรับมือ “ไม่เครียดเลยก็น่าเบื่อ ดังนั้น เครียดบ้างก็ดี” ดร. โรเบิร์ต มอนเดอร์ นักจิตวิทยาแห่งโรงพยาบาลเมาท์ไซไนในแคนาดา กล่าว “แม้ความเครียดที่เข้มข้นเกินไปจะเป็นผลดีได้ยาก แต่มีวิธีเชิงบวกที่จะรับมือกับความเครียดนั้น” นี่คือเจ็ดวิธีที่จะช่วยคุณเพิ่มทักษะขจัดความเครียด

1 เปลี่ยนความกังวลเป็นการแก้ปัญหา
“ความ กังวลคือกระบวนการของการจินตนาการถึงผลลัพธ์ที่เจ็บปวดหรือแม้กระ ทั่งหายนะโดยไม่มีแผนป้องกันที่มีประสิทธิ ภาพ” แมตทิว แม็กเคย์ หนึ่งในผู้แต่งหนัง สือแบบฝึกหัดผ่อนคลายและลดความ เครียด แนะให้หาทางออกที่เป็นไปได้เพื่อตัดวงจรความกังวลออกไป “ในกระบวนการรับรู้ของสมองมีความแตกต่างกันระหว่างการคิดถึงความสำเร็จกับ การจดจ่อที่ความล้มเหลว” แม็กเคย์และผู้แต่งร่วมแนะให้ฝึกดังนี้

ก. แยกแยะปัญหาให้ชัดเจน เช่น “ฉันรู้สึกว่าแบกงานจนหลังแอ่นเพราะถึงกำหนดเส้นตายหลายงานในเดือนเดียวกัน”

ข. ระดมความคิดเพื่อหา ทางออก

ค. ประเมินแนวคิดแต่ละข้อ ใส่เครื่องหมาย X ตรงข้อที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ใส่เครื่องหมายคำถามตรงข้อที่คิดว่าทำได้ยาก และ Y ตรงข้อที่คิดว่าทำได้ทันที

ง. กำหนดวันที่จะทำตามแนว คิด Y ให้สำเร็จลุล่วง

จ. เมื่อทำข้อ Y เสร็จแล้ว กลับไปดูข้อที่เคยทำเครื่องหมายคำถามไว้ ตอนนี้บางข้อพอมีความเป็นไปได้หรือยัง

ฉ. ท้ายที่สุด กลับไปดูข้อที่ทำเครื่องหมาย X ไว้ ตอนนี้เป็นไปได้จริงๆหรือไม่

2 มีอารยะไว้เสมอ
พฤติกรรม หยาบคายไม่ใช่แค่น่ารำคาญ แต่ยังเป็นต้นกำเนิดของความเครียดและวิตกกังวล การศึกษาชายหญิงกว่า 1,500 คนที่สหรัฐฯ เมื่อปี 2551 พบว่า พฤติกรรมอนารยะในที่ทำงานมีผลกระทบทางลบต่อสุขภาพกายและจิตของผู้ที่ตกเป็น เหยื่อของการประชดประชัน ครหานินทา หรือเมินเฉย ประหลาดใจไหมล่ะ คนที่ทำงานกับเหยื่อพวกนี้ก็พลอยเสียสุขภาพไปด้วย “อาจเป็นผลของ ‘ประสบ การณ์ตกเป็นเหยื่อร่วม” เนื่องจากเห็นการกระทำที่เป็นอนารยะ หรือกลัวว่าตนเองอาจเป็นเหยื่อรายต่อไป” แซนดี ลิมแห่งมหาวิท ยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ผู้ร่วมเขียนรายงานการศึกษา กล่าว

3 ถามตอบตัวเอง
หากคุณเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับการวิตกกังวลในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น บรรดาผู้แต่งหนังสือ แบบฝึกหัดผ่อนคลายและลดความเครียด แนะกลวิธีนี้เพื่อลดความกระ วนกระวายใจ หลังนอนหลับสบายและกินมื้อเช้าครบถ้วน ซึ่งเป็นสองกิจกรรมปัดเป่าความเครียดที่แม่พูดถูก ให้เขียนสิ่งที่กังวลลงในกระดาษ จากนั้นถามตัวเองว่าถ้าสิ่งที่อยากให้เกิดไม่เกิด หรือสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดกลับเกิด ผลลัพธ์เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดกับฉันคืออะไร จากนั้นถามตัวเองว่าเรื่องดีๆที่อาจเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง ถ้าสิ่งที่ฉันอยากให้เกิดไม่เกิด หรือสิ่งที่ฉันไม่อยากให้เกิดกลับเกิด ค้นหาความคิดหรืออารมณ์เชิงบวกที่คุณจะดึงออกมาได้ขณะนึกหาทางออกอื่น

4 เจาะลึก
เรื่อง ร้ายไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเสมอไป เวลาปลูกข้าวโพด เมื่อเริ่มต้นเจอความแห้งแล้งก็กลายเป็นประโยชน์ได้เพราะทำให้รากชอนไชลึกลง ไปเพื่อหาน้ำ มีข้อดีอะไรบ้างไหมในเรื่องที่ทำให้คุณเครียด แทนที่จะคิดหมกมุ่นกับฝนแล้ง ดูสิว่าคุณจะสร้างความแข็งแกร่งขึ้นมาได้อย่างไรจากการ “มองหาน้ำ” มอนเดอร์กล่าวว่า การมองหาความหมายและคุณค่าจากประสบการณ์ที่พานพบช่วยทำให้สถานการณ์ที่ตึง เครียดพอทนได้มากขึ้น

5 สร้างตัวกระตุ้นภายใน
งาน วิจัยใหม่ของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันในเรื่องสมองระบุว่า ความเครียดเรื้อรังเป็นมูลเหตุให้สมองถูกทำลายเพราะเซลล์สมองหยุดสร้างเซลล์ ใหม่ ข่าวดีนะหรือ สภาพแวดล้อมเป็นปัจจัยกระตุ้นที่ช่วยฟื้นฟูส่วนที่ถูกทำลายนั้นได้โดยเร่ง สร้างเซลล์ใหม่ เพิ่มขึ้นมา ดร. ดัก ซอนเดอร์ส นักจิตวิทยาที่ให้คำปรึกษาผู้ป่วยและสอนที่มหาวิทยาลัย โทรอนโต แนะให้ทำกิจกรรมที่เรียกว่า “สร้าง เกาะแห่งความสงบ” โดยเลือกกิจกรรมที่ตัวเองชอบเพื่อให้สมองทำงานอย่างเพลิดเพลินจนเวลาผ่านไป เร็วแทบไม่รู้ตัว อาจวิ่ง ทำสวน หรือเล่นปริศนาอักษรไขว้ อะไรก็ได้ที่ช่วยหันเหความเครียดในใจออกไป “เหมือนการทำสมาธิกลายๆ เป็นวิธีพักฟื้นจิตใจและร่างกายจากสภาวะจะสู้หรือหนีซึ่งเป็นผลกระทบของความ เครียดเรื้อรัง” อยากเพิ่มประสิทธิผลของการขจัดความเครียดไหม ลองหากิจกรรมที่เกิดประโยชน์ทั้งต่อร่างกายและจิตใจ ในกรณีศึกษาผู้ใหญ่เกือบ 20,000 คนในอังกฤษเมื่อปี 2551 พบว่า คนที่ออกกำลังทุกวัน แค่ออกกำลังง่ายๆด้วยการเดินก็ได้ มีโอกาสเครียดสูงน้อยกว่าคนที่ไม่ออกกำลังถึงร้อยละ 41

6 หาแรงบันดาลใจให้ตัวเอง
บาง คนพบว่าการอ่านเรื่องราวของคนอื่นช่วยให้รับมือกับความ เครียดได้ดีขึ้น มอนเดอร์แนะให้มองหาแรงบันดาลใจใกล้ๆตัว “การถอยกลับสักก้าวและทบทวนความสำเร็จของตัวเองในอดีตจะช่วยให้รับมือปัญหา ได้ดีขึ้น” เขากล่าว “กรรมวิธีนี้ช่วยตอกย้ำให้ตัวเองว่า ‘ฉันเคย รับมือกับเรื่องราวมากมายในอดีตมาแล้ว เรื่องนี้จะจัด การอย่างไรดี’ ”

7 แบ่งเบาภาระออกไป

นัก วิจัยที่มหาวิทยา ลัยแพทย์กราซในออสเตรียศึกษาเมื่อปี 2550 พบว่า การบำบัดพฤติกรรมแบบกลุ่มในระยะสั้นได้ผลลัพธ์ออกมาดี ช่วยลดแรงดันเลือดและความ เครียดโดยรวมของผู้รับการบำบัดที่เครียดเพราะงานหนัก “วางแผนกิจกรรมที่จะทำประจำวัน มีครอบครัวและเพื่อนคอยสนับ สนุนให้ลงมือทำกิจกรรมใหม่เหล่านี้ จะมีส่วนช่วยให้คุณรับมือกับความเครียดด้วยวิธีใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น” ซอนเดอร์สกล่าว

.....บทเรียนของชีวิต

ให้คิดเสมอว่าเราสามารถทำได้

บทเรียนของชีวิต

ครั้งหนึ่งมีกลุ่มกบตัวเล็กๆกลุ่มหนึ่ง ได้มาร่วมกันจัดการแข่งขัน เพื่อจะปีนขึ้นไปสู่ยอดเสาไฟฟ้าแรงสูง มีกลุ่มชาวกบมากมายมาดูชมการแข่งขัน และเชียร์ครั้งนี้และแล้วการแข่งขันก็เริ่มขึ้น

พูดอย่างตรงไปตรงมาว่าไม่มีกลุ่มกบไหนเชื่อว่าจะมีกบตัวไหนจะปืนขึ้นสู่ยอดเสาได้
มีเสียงพูดลอยให้มาได้ยินเป็นต้นว่า.....เขาไม่มีทางขึ้นไปถึงยอดหรอกสูงชะ ขนาดนั้น หรือว่าเขาไม่มีทางประสบความสำเร็จหรอก เชื่อดิ....
เจ้ากบตัวน้อยๆ เหล่านั้นเริ่มร่วงลงมาทีละตัวๆ ยกเว้นตัวหนึ่งซึ่งยังปีนอย่างมุ่งมั่น สูงขึ้น และสูงขึ้น....ฝูงกบก็เริ่มส่งเสียงเรียกตะโกน....มันยากเกินไปไม่มีใครทำ ได้หรอก...กบส่วนใหญ่เริ่มเหนื่อยและยอมแพ้ แต่มีตัวหนึ่งยังตั้งหน้าตั้งตาปีนป่ายสูงขึ้นๆ ๆเจ้าตัวนี้ไม่ยอมแพ้

เมื่อจบการแข่งขัน กบตัวอื่นต่างยอมแพ้ที่จะปีนสู่ยอดเสาหมดสิ้น ยกเว้นกบตัวเล็กตัวหนึ่ง ด้วยความพยายามสุดกำลัง ก็สามารถปีนสู่ยอดเสาได้สำเร็จ กบทุกตัวอยากรู้ว่าเจ้ากบตัวเล็กนี้มีพลังอย่างไร ในอันปีนป่ายยังไงจึงถึงเป้าหมายได้สำเร็จ แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่า เจ้ากบตัวนั้นหูหนวก ฯลฯ

เรื่อง นี้สอนให้รู้ว่า อย่าฟังคำพูดในแง่ลบ หรือมองในด้านลบ จากคนอื่น.....เพราะเขาเหล่านั้นจะดึงความสำเร็จของเราออกไป....ให้ระวัง พลังในคำพูด เพราะทุกสิ่งที่เราได้ยินและอ่านมัน จะส่งผลต่อการกระทำของเรา(ถ้าเรายังไม่แน่วแน่พอ)
ดังนั้นตลอดเวลา ขอให้เราคิดบวกเสมอ และเหนือจากนั้นทำหูหนวกชะบ้างบางเพลา ต่อคำพูดของคนที่บอกว่าคุณไม่สามารถทำให้มันสำเร็จได้

ให้คิดเสมอว่าเราสามารถทำได้ ท่านละคิดว่าทำได้หรือเปล่า........

ขอบคุณค่ะที่เอาสิ่งดีดีมาให้อ่า

 โห่ ขอบคุณมากครับ ผมชอบมากเลยครับ

โดยเฉพาะพร 4 ข้อ พอ อ่าน ข้อ 3 ปรุ๊บ รุ้สึกว่า

เรามั่วแต่เสียเวลาคิดกะเรื่องอดีตเกินไปจิงๆอะครับ

และ สิบแง่คิดดีๆสำหรับชีวิตประจำวัน ก็ดีครับ ส่วนเคล็ดลับต่างๆ

ก็ดีมากครับช่วยให้ผมคิดในหลายมุมได้มากขึ้นครับขอบคุณมากครับ

อ่านเจอเลยนำมาฝาก ข้อความของคุณรณธรรม ธาราพันธุ์ เมื่อปี พ.ศ. 2532

ข้าพเจ้าได้นั่งคุยกับท่านพระครูสุจิ ณธรรมวิมล (ม่น ธัมมจิณโณ) วัดเนินตามาก ต.โคกเพลาะ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ไปเรื่อยเปื่อยด้วยเรื่องต่าง ๆ จู่ ๆ ท่านก็พูดขึ้นมาเองถึงพระคุณของบิดามารดาว่ามีคุณเหลือจะกล่าวถึงรำพันหมด แต่ ดูเหมือนแม่จะมีภาษีกว่าหน่อยตรงที่ต้องเป็นผู้อุ้มท้องเรามา ตอนคลอดก็แลกชีวิตกันเลย บางทีเรารอดแม่ตาย บางทีเราตายแม่รอด ถ้าโชคดีก็รอดทั้งคู่ ถ้าโชคร้ายก็ตายคู่เป็นตายทั้งกลมก็มี แต่พ่อไม่ต้องเสี่ยงถึงเพียงนี้ พระคุณของแม่จึงเหนือกว่าพ่อด้วยประการฉะนี้ ซึ่งความดังกล่าวก็ไปตรงกับที่ท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตตมหาเถระ เคยกล่าวตอบพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) ว่าพระคุณแห่งมารดายิ่งใหญ่กว่าพระบิดานัก

เล่ากันมาถึงตรง นี้หลวงปู่ม่นก็ถามข้าพเจ้าว่า "แกอยากได้วัตถุมงคลที่เหนือกว่าของฉันไหม ?" แหม ถามได้นะ ใคร ๆ ก็อยากจะได้ทั้งนั้น จึงรีบกราบเรียนท่านว่า อยากได้ครับ นึกว่าท่านจะให้เหล็กไหล ไพลดำ คดมะพร้าว ตับเหล็ก ฯลฯ อะไรประมาณนี้ แต่ ท่านยิ้มอย่างใจดี แล้วบรรยายว่า... "แกกลับไปบ้านนะ แล้วหาแผ่นโลหะจะเป็นอะไรก็ได้นะ แล้วเอาเส้นผมของแม่กับชายผ้าซิ่นของแม่วางลงบนแผ่นโลหะนั้นแล้วม้วนเข้า ด้วยกันเป็นตะกรุด แล้วแกก็เอาไปให้แม่อธิษฐานให้ ถ้าแม่แกยังแข็งแรง จะให้วางของให้ม้วนให้เลยก็ได้ ตอนแม่อธิษฐานให้พรแก แกลองฟังดูซิว่าเขาจะว่าให้แกตายแกเสื่อมไหม ถ้าทุกคำพูดมีแต่เรื่องดีไม่มีแช่งล่ะก็ ตะกรุดนั้นไม่มีเสื่อมหรอก ดียิ่งกว่าใคร ๆ ทำให้นะ ตะกรุดของฉันก็ไม่สู้ตะกรุดของแม่แกหรอก เพราะฉันรักแกไม่เท่าแม่แก" ข้าพเจ้าแทบน้ำตาร่วงแน่ะ และ ท่านก็ยังเมตตาเล่าถึงคนที่เคยทำไปแล้วถูกยิง ถูกแทงไม่เข้าเพราะมีตะกรุดพระคุณมารดานี่แหละ ท่านเล่าบ่อยมาก ๆ เหมือนจะยืนยันว่าพ่อแม่เป็นสิ่งสูงสุดในชีวิตลูกถ้าไม่นับธรรม เพราะความกตัญญูต่อพ่อแม่ ก็คือคุณธรรมอันหนึ่งด้วยนั่นเอง

**ถ้าตะกรุดที่ให้คุณแม่ทำให้นั้น ไม่มีผ้าถุงผ้าซิ่น มีแต่เส้นผมก็แขวนรวมได้ครับ แต่ถ้ามีผ้ารวมอยู่ด้วยก็ไม่สมควรอย่างยิ่งครับ ควรเป็นคาดเอวไว้ หรือใส่กระเป๋าเสื้อไว้ถ้าในกระเป๋าเสื้อเราไม่มีพระเครื่องที่เป็นรูปพระ พุทธ พระสงฆ์อยู่ด้วยนะครับ ยังรวมไปถึงหลายท่านที่นิยมทำรูปล็อกเกต คุณพ่อคุณแม่ ก็ไม่ควรนำไปแขวนรวมกับรูปพระพุทธหรือพระสงห์ครับ เพราะบิดามารดาเป็นพระอรหันต์ "สำหรับ บุตร-ธิดา" เท่านั้น แต่ไม่ได้เป็นพระอรหันต์สำหรับคนทั่วไป ไม่ได้เป็นผู้มีคุณธรรมอันประเสริฐพอที่จะไปรวมกับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ได้ครับ

ดังนั้น สร้อยที่ใส่รูปเคารพพระรัตนตรัยก็ควรอยู่สูงกว่า และสร้อยอีกเส้นหนึ่งที่ใส่รูปคุณพ่อคุณแม่ก็ควรห้อยให้ต่ำกว่า ถ้าทำอย่างนี้ก็อยู่ใน "คอเดียวกัน" ได้ครับ

คำคมวันนี้ :

There is a magnet in your heart that will attract true friends. That magnet is unselfishness,
thinking of others first. When you learn to live for others, they will live for you.
- - Paramahansa Yogananda - -

มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจของคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้ แม่เหล็กชนิดนี้คือ ความไม่เห็นแก่ตัว
และการคิดถึงคนอื่นก่อน เมื่อคุณเรียนรู้ที่จะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ

ล้างแค้น

มือปืนเมืองเพชร....เมาแอ๋เข้ามาหาพระ...
มันชูปืนขึ้น......แล้วเดินเป๋เข้ามา...
หลวงพี่ก็เลยโดดหลบเข้าข้างเสา....
เพราะพระก็เสียวเป็นเหมือนกัน.......
มันบอกว่า.....หลวงพี่ต้องเป็นพยานให้ผมด้วย...
ไอ้แคล้วมันฆ่าพ่อผมตาย....ผมขอสาบานต่อหน้าพระว่า...
ผมจะต้องล้างแค้นให้พ่อผมให้ได้...
ถ้าผมฆ่าไอ้แคล้วไม่ได้...ชีวิตนี้นอนตาไม่หลับ...
หลวงพี่โผล่ออกมาจากเสา...แล้วบอกว่า...
สาธุ....ขออนุโมทนาบุญกับโยมด้วยที่คิดจะล้างแค้น..
คนทั้งศาลาหันมามองพระเป็นตาเดียว
โธ่....ก็มันถือปืนส่ายอยู่อย่างนั้น....จะให้พระทำยังไง..?
ก็น่าจะเห็นใจพระบ้างนะ....

อาตมาก็พูดกับมือปืนต่อว่า... ล้าง...หมายถึง...ทำให้สะอาด...
การล้างแค้นเป็นเรื่องดี
เรามีความแค้น...แสดงว่า...ความแค้นมันมาเปื้อนจิตใจเรา...
การล้างแค้น..คือล้างจิตใจของเราให้สะอาด...
ให้ความแค้นมันหมดไปจากใจเรา...
การไปยิงเขาตายอีก...เป็นการเพิ่มความแค้น...
ลูกหลานเขาก็จะตามมายิง...มาฆ่าเราอีก...
วนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่จบสิ้น...
การล้างแค้น..จึงเป็นการอโหสิกรรม...หมดเวรหมดกรรม
อาตมาจึงขออนุโมทนาบุญกับโยมด้วย
พูดเสร็จพระก็หลบไปยืนบังเสาไว้...
พระไม่กลัวมันหรอก...แต่พระไม่ประมาท

ไม่เปลี่ยนความคิด...ชีวิตไม่เปลี่ยน...
หลวงพ่อชา...บอกไว้ว่า
* จงระวังความคิดของเจ้า...
เพราะ
ความคิด..........จะนำไปสู่........คำพูด
คำพูด.............จะนำไปสู่........การกระทำ
การกระทำซ้ำๆ....จะทำให้เกิดเป็น....นิสัย
นิสัย...............จะนำไปสู่..........บุคลิกภาพ
บุคลิกภาพ.........จะนำไปสู่..........ชะตาชีวิต

แค่คิดผิดนิดเดียว...ชะตาชีวิต.........มีปัญหาทันที....
ใครที่กลุ้ม...........เครียด............หน้าหงิกหน้างอ...
อารมณ์ฉุนเฉียวทั้งวัน....
แล้วไม่หาทางผ่อนคลาย....ไม่หาทางยิ้ม....หัวเราะบ้าง....
สารพัดโรค..........จะตามมา...
คนเหล่านี้.......อายุสั้น.....แน่นอน......(ตามหนังสือนะคะว่า)

รอยยิ้ม...และเสียงหัวเราะ....
*จะทำให้คุณ...สวย...น่ารัก...หล่อ...มีเสน่ห์...ดูอ่อนกว่าวัย...
*จะทำให้คุณ...มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีขึ้น...
*จะทำให้คุณ...อายุยืนยาว
*จะทำให้คุณ...มีชีวิตที่มีความสุข

ในเมื่อรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
มีคุณค่าต่อชีวิตมากมายขนาดนี้

"วันนี้คุณยิ้ม...และหัวเราะ....หรือยัง...?"

Pages