มวลสาร พระโพธิญาณ หลวงปู่ทองดำบรมครู

พระโพธิญาณ อ.เทพ เกษมพรรณราย

มวลสาร พระโพธิญาณ หลวงปู่ทองดำ บรมครูสายโพธิญาณ

ผู้รวบรวมมวลสาร  ได้แก่ อ.เทพ เกษมพรรณราย

โดยมีพระอริยสงฆ์ ช่วยใช้ทิพยจักษุตรวจสอบมวลสารต่างๆก่อนที่จะนำไปใช้จัดสร้างพระ เพื่อคัดกรองเลือกแต่สิ่งที่ดีเป็นมงคลต่อผู้ครอบครอง ไม่มีการผสมผงพรายผงผีผงกระดูกหรือสิ่งของที่เป็นอัปมงคล ถ้าพูดถึงความแรงมวลสารบางชนิด ท่านบอกว่า แรงกว่าผงพรายซะอีก แต่เป็นความแรงด้านพุทธคุณไม่มีโทษใดๆกับผู้ครอบครอง

มวลสารชุดนี้ ส่วนที่เหลือหลังจากสร้าง พระโพธิญาณ ปี พ.ศ.2542 เสร็จสิ้นแล้ว อ.เทพ เป็นผู้เก็บรักษาไว้แต่เพียงผู้เดียว เนื่องจากมวลสารจำนวนมาก อ.เทพ เป็นผู้รวบรวมมวลสารเอง จากสถานที่สำคัญต่างๆ และยังไม่เคยนำออกมาใช้อีกเลย จึงกล่าวได้ว่า พระโพธิญาณรุ่นแรกนั้นมีมวลสารที่เป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจากพระเครื่องรุ่นอื่นๆ  และไม่มีใครสามารถสร้างซ้ำให้เหมือนเดิมได้

มวลสารหลัก (มวลสารที่มีจำนวนมากเป็นกระสอบเป็นกิโล) ที่นำมาจัดสร้าง พระผงโพธิญาณ และ ใช้อุดใต้ฐานพระกริ่งโพธิญาณ

* แผ่นจาร อักขระธรรม จำนวนมาก

* ผงพุทธคุณต่างๆ

* มวลสารของ หลวงปู่ประเคน จ.ปัตตานี ซึ่งได้สะสมมาหลายสิบปี

* มวลสารของ หลวงปู่หาน จ.หนองคาย (ศิษย์สำเร็จลุนที่ทันท่านบวชให้ที่ประเทศลาว)

* เกศา หลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร

* เกศา ครูบาอาจารย์

* เกศา หลวงพ่อญาท่าน พระครูปภัศรคุณ ( บุญเลิศ ปภสฺสโร) วัดป่าสามัคคีศิริพัฒนาราม

* เกศา หลวงปู่หาน จ.หนองคาย

* ผงว่าน ชุดเดียวกับที่ใช้สร้างหลวงปู่ทวด ปี 2497 จ.ปัตตานี

* ผงยาสมุนไพรเสก ของ หลวงพ่อญาท่าน พระครูปภัศรคุณ ( บุญเลิศ ปภสฺสโร)

* ผงไม้งิ้วดำ เทพนิมิต จากป่าลึกชายแดนประเทศ

* ดินกากยายักษ์ ของแท้ จากยอดเทือกเขาสันกาลาคีรี

* ดินจอมปลวก 7 เศียร

* ดินขุยปู ดีเด่นด้านเมตตามหานิยม การค้าขายทำกิน

* ปฐวีธาตุ ยอดภูลังกา  ( หินนาคราช จากยอดภูลังกา )

* ปฐวีธาตุ จากถ้ำครูบาอาจารย์พระอริยเหนือโลก ในภูเขาควาย ประเทศลาว

* แร่ธาตุ ทนสิทธิ์ ชนิดต่างๆ

  • ข้าวตอกพระร่วง
  • เพชรหน้าทั่ง
  • เต่าหิน จากเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ ประเทศลาว
  • ดักแด้หิน
  • คดหิน ชนิดต่างๆ

* เหล็กไหล ชนิดต่างๆ

  • ไหลเพชรดำ
  • เหล็กไหลตาแรด
  • เหล็กไหลฤาษี
  • เหล็กไหลเงินยวง
  • โคตรเหล็กไหล
  • เหล็กไหลเพลิง
  • เหล็กไหลตาน้ำ

* และมวลสารรอง อื่นๆ อีกมากมาย (มวลสารรอง คือมวลสารที่มีจำนวนไม่มาก เช่น อาจมีเพียงกระปุกเล็กๆ )

รายละเอียดของมวลสารหลัก

ผงว่านชุดเดียวกับที่เคยใชัจัดสร้าง พระหลวงปู่ทวด ปี พ.ศ.2497 จ.ปัตตานี

เป็นมวลสารที่ศักดิ์สิทธิ์ ดีจริง และมีมูลค่าสูงตามค่านิยมของพระหลวงปู่ทวด ปี 2497 ซึ่งเป็นที่นิยมของนักสะสม ในช่วงที่มีการจัดสร้าง พระหลวงปู่ทวด ในปี พ.ศ.2497 หลวงปู่ประเคน จ.ปัตตานี ท่านเป็นบุคคลหนึ่งที่ร่วมแรงในการจัดสร้างช่วยหามวลสารต่างๆมาจัดสร้างพระ โดยได้เก็บรักษาผงว่านชุดดังกล่าวไว้จำนวนหนึ่ง ในภายหลังท่านได้นำกลับมาที่วัดหนองเลา ซึ่งเป็นวัดที่ท่านได้บรรพชาอุปสมบท และ อ.เทพ ได้รับมอบผงว่านชุดนี้ประมาณครึ่งกระสอบปุ๋ยให้นำมาจัดสร้างพระโพธิญาณเนื้อผงและอุดใต้ฐานพระกริ่ง

สำหรับการจัดสร้างพระเครื่องทั่วไปนั้น  ผงว่านปี2497 ถือว่าเป็นมวลสารหายากและมีราคาสูง เพียงหนึ่งช้อนโต๊ะก็มีคนนำมาใช้เป็นหัวเชื้อผสมสร้างพระเครื่องกันเป็นหมื่นองค์ แต่พระโพธิญาณรุ่นนี้ใช้ผงว่านปี2497 จำนวนมากถึงครึ่งกระสอบปุ๋ยมาเป็นมวลสาร แค่คำนวณราคาต้นทุนของผงว่านปี2497 นับว่าสูงมากและยากที่จะประเมินราคาต้นทุนได้ 

กล่าวได้ว่า พระเครื่องที่สร้างโดยใช้ผงว่านปี2497 จำนวนมากขนาดนี้เป็นมวลสาร ในอนาคตยากที่จะหาได้ ใครมีโอกาสได้ไว้บูชาควรเก็บรักษาไว้เป็นมรดกสืบต่อไป

ดินกากยายักษ์ จากยอดเทือกเขาสันกาลาคีรี

ดินกากยายักษ์ ที่ใช้ในการสร้างพระโพธิญาณ รุ่นแรก ปี พ.ศ. 2542 นำมาจากยอดเทือกเขาสันกาลาคีรี โดยลูกศิษย์หลวงปู่ประเคน จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นตำรวจตระเวนชายแดนที่เกษียณอายุแล้วท่านหนึ่ง น่าเสียดายด้วยกาลเวลาที่ผ่านมายาวนานทำให้จำชื่อของท่านไม่ได้ ตลอดจนกล่องพัสดุไปรษณีย์ที่ส่งมานั้นได้เสียหายไปในช่วงน้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพจึงไม่สามารถระบุชื่อของ ต.ช.ด ท่านนี้ได้

ต.ช.ด.ท่านนี้เคยร่วมในทีมการหามวลสารสร้างพระหลวงปู่ทวดในปี 2497 ท่านได้ทราบข่าวการจัดสร้างพระโพธิญาณรุ่นแรก และปรารถนาจะร่วมบุญด้วย จึงได้เดินป่ากลับไปยังจุดเดิมในสมัยปี 2497และขุดดินกากยักษ์ใส่เป้สะพายหลังกลับมาเพื่อร่วมสร้างพระโพธิญาณ รุ่นแรก  ถึงแม้จะได้มาจำนวนจำกัดตามขนาดเป้สะพายหลัง แต่เป็นดินกากยายักษ์ของแท้ที่ดีจริงและศักดิ์สิทธิ์จริงตามแบบโบราณ ไม่ใช่ดินกากยายักษ์ที่มีขายกันทั่วไปแบบปัจจุบันที่อยากจะซื้อจำนวนเท่าไรก็มีขาย

ดินกากยายักษ์ของแท้นั้น ไม่ใช่ของที่จะได้มาโดยง่าย ต้องเดินเท้าขึ้นยอดเขาไปขุดมา ที่มีใส่กระสอบขายๆกันทั่วไปนั้นยังไม่ใช่ของแท้ เป็นดินอาถรรพณ์ประเภทอื่น คุณภาพสู้ของแท้ไม่ได้ ยังห่างชั้นกันมาก

ในปัจจุบันคาดว่า ผู้ที่รู้พิกัดที่แท้จริงในการไปขุดดินกากยักษ์จุดเดียวกับ ปี พ.ศ.2497 นั้นอาจหาไม่ได้แล้ว ด้วยกาลเวลาที่ผ่านมายาวนาน นับกันคร่าวๆ ปี พ.ศ. 2497 ถึง 2542 เป็นเวลา 45 ปี คนๆหนึ่งกว่าจะเป็น ต.ช.ด.ได้ ก็อย่างน้อยต้องมีอายุ 20 กว่าปี สมมุติว่าเมื่อ ปี พ.ศ. 2497 มี อายุ 25 ถึง 40 ปี ... ณ ปี พ.ศ. 2542 ก็จะมีอายุอย่างน้อย 70 ถึง 85 ปี ซึ่งนับว่าสูงมากแล้วกับการเดินป่า ปีนเขา แบกของหนัก

ดินกากยายักษ์ที่เหลือจากการสร้างพระโพธิญาณรุ่นแรก  ซึ่งมีจำนวนไม่มากนั้น อ.เทพ เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในงานบุญงานกุศลในอนาคต

ผงไม้ เทพนิมิต

ผงไม้เทพนิมิต อ.เทพ เกษมพรรณราย นำมาร่วมสร้างพระโพธิญาณรุ่นแรก จำนวนหนึ่งกระสอบใหญ่

ผงไม้เทพนิมิต เป็นไม้มงคลมีเทพสถิตย์รักษา ได้มาจากป่าลึกในเขตดินแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีเทพที่ประสงค์จะร่วมสร้างบุญบารมีได้มาบอกข้อมูลผ่านทางนิมิตถึงสามครั้งซ้ำๆกันว่า ให้ไปนำไม้สีดำต้นนี้มาจากในป่าลึกเพื่อใช้ในการสร้างพระ ซึ่งการเดินทางไปนั้นต้องใช้พรานป่าช่วยนำทางไปค้นหา เมื่อไปถึงสถานที่ตามในนิมิตแล้วทีมงานได้ใช้เวลาค้นหาทั้งวันแต่ไม่สามารถค้นพบต้นไม้สีดำตามเทพนิมิต

ในวันรุ่งขึ้นทีมงานจึงตั้งบายศรี ทำพิธีบอกกล่าวและทำบุญถวายกุศลต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อารักขาไม้เทพนิมิต อัญเชิญให้มาร่วมสร้างบารมี สร้างพระร่วมกัน หลังจบพิธีแล้วกรวดน้ำลงแผ่นดิน เกิดเหตุอัศจรรย์ ปรากฎภาพหญิงสาวห่มผ้าสไบยืนอยู่ในจุดที่ห่างออกไปเล็กน้อย แล้วภาพหญิงสาวก็หายไป กลายเป็นต้นไม้สีดำยืนโดดเด่นอยู่ตรงสถานที่นั้น ทางทีมงานจึงได้อัญเชิญไม้เทพนิมิตนี้นำกลับมาสร้างพระ ไม้ชุดนี้มีสีดำสนิทและมีกลิ่นหอมมากๆ กลิ่นหอมเย็นชื่นใจแปลกกว่าไม้สีดำอื่นๆที่เคยพบมา กล่าวได้ว่า นอกจากเป็นของดีที่หาได้ยากแล้ว ยังต้องใช้ทั้งกำลังกาย กำลังใจ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต และทุนทรัพย์จำนวนมากในการอัญเชิญไม้เทพนิมิตนี้ออกมาจากป่าลึกในเขตดินแดนประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าการเดินทางและกระทำการใดๆในเขตประเทศอื่นนั้น มีอันตรายและความเสี่ยงสูง

ปฐวีธาตุ ยอดภูลังกา  ( หินนาคราช จากยอดภูลังกา )

ปฐวีธาตุจากยอดสุดของภูลังกา อ.เทพ เกษมพรรณราย นำมาร่วมสร้างพระ จำนวนหลายกิโล

ภูลังกา เป็นป่าและภูเขาที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ และเป็นที่ทราบกันดีในกลุ่มผู้ฝึกปฏิบัติทางจิตวิญญาณว่าเป็นหนึ่งในดินแดนอาถรรพณ์ มีความศักดิ์สิทธิ์ มีสิ่งลี้ลับมากมาย ณ จุดหนึ่งบนยอดภูลังกาจะมี โพรงขนาดใหญ่ ลึกดิ่งลงไปในภูเขา มืดมิด ความลึกยากหยั่งถึง

ปากโพรงนี้อยู่บนยอดสุดของภูลังกา ณ ปากโพรงจะมีหินก้อนเล็กๆตกเกลื่อนอยู่ ความแปลกอยู่ตรงที่ว่า ถึงแม้จะปัดกวาดบริเวณปากโพรงจนสะอาดดีแล้ว เพียงแค่วันรุ่งขึ้นก็กลับมีหินก้อนเล็กๆกลับมาเกลื่อนอีก หินเหล่านี้มาจากไหน ทั้งๆที่เป็นจุดสูงสุดแล้วไม่มีหินจากที่ไหนกลิ้งลงมาได้ อยู่ในป่าลึกที่ไม่มีใครเดินผ่านไปมา โดยรอบก็เป็นลานหินโล่งๆและไม่มีหินประเภทนี้ให้เห็น จะมีเฉพาะที่ปากโพรงนี้เท่านั้น

มีผู้รู้ทางจิตบอกว่า โพรงนี้ลึกลงไปถึงใต้โลกเชื่อมต่อกับโลกพญานาค หินที่ปากโพรงนี้เป็นหินจากนาคพิภพ ถึงแม้จะยังไม่ได้เสกก็มีความขลังศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติ แถมยังมีดวงจิตบางอย่างสถิตย์รักษาอยู่ สามารถติดต่อสื่อสารทางจิตพูดคุยกันได้ หากเสกแล้วหินนี้จะยิ่งเพิ่มพูนพลังอำนาจ กล่าวกันว่า พระอริยสงฆ์ในอดีต เช่น หลวงปู่พิบูลย์ บ้านแดง จะเก็บหินเหล่านี้นำไปอธิษฐานจิตแล้วแจกจ่ายชาวบ้าน เป็นของดีที่เรียกว่า ปฐวีธาตุยอดภูลังกา

ปฐวีธาตุยอดภูลังกา ชุดนี้ อ.เทพ เกษมพรรณราย ได้ร่วมเดินทางกับคณะและพระสงฆ์ผู้ทรงจิตอภิญญา ปีนยอดภูลังกา เดินป่าหลายวันเพื่อฝึกจิตสมาธิ ระหว่างพำนักปฏิบัติธรรมบนยอดภูลังกา ได้บอกกล่าวขออนุญาตสิ่งศักดิ์สิทธิ์เก็บปฐวีธาตุมาจำนวนหลายกิโล ซึ่งต้องแบกน้ำหนักหลายกิโลเดินป่า ปีนหน้าผาสูงชัน บางช่วงสูงเทียบเท่าตึกหลายสิบชั้นด้วยความยากลำบากและเสี่ยงอันตราย กล่าวได้ว่า เป็นมวลสารที่เสี่ยงแลกมาด้วยชีวิต จึงถือเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้

เมื่อได้นำปฐวีธาตุกลับมาตรวจสอบทางจิต  ได้รับการยืนยันว่าเป็นของดีจริง อ.เทพจึงได้นำมาเป็นมวลสารในการสร้างพระโพธิญาณรุ่นแรกนี้

 

ปฐวีธาตุ จากถ้ำครูบาอาจารย์พระอริยเหนือโลก ในภูเขาควาย ประเทศลาว

ปฐวีธาตุ จากถ้ำครูบาอาจารย์ พระอริยเหนือโลก ในภูเขาควาย ประเทศลาว เป็นมวลสารที่ อ.เทพ เกษมพรรณราย ได้มาเมื่อครั้งเดินทางไปปฏิบัติธรรมฝึกจิต ณ ภูเขาควาย ประเทศลาว โดยการนำทางของพระอริยสงฆ์ของประเทศลาว

ภูเขาควาย ประเทศลาว ถือว่าเป็นหนึ่งในดินแดนที่คงความศักดิ์สิทธิ์มาหลายยุคหลายสมัย พระอริยสงฆ์ที่ปฏิบัติธรรมเดินธุดงค์ ฝึกจิต เช่น หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และครูบาอาจารย์อีกนับไม่ถ้วน ล้วนต่างเดินทางผ่านมาในดินแดนนี้

เขตภูเขาควาย มีเทือกเขาสลับซับซ้อนและมีถ้ำเป็นจำนวนมาก ทางคณะ อ.เทพ ได้เดินทางเข้าไปในถ้ำที่รับทราบมาว่าเป็นเขตของครูบาอาจารย์ เมื่อเข้าไปลึกพอสมควร ภายในถ้ำพบลำธารขนาดใหญ่ไหลผ่านลงไปใต้ภูเขาลึกสุดหยั่ง มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่พอๆกับสระว่ายน้ำ ที่น่าแปลกคือ น้ำมีอุณหภูมิหลายระดับ น้ำบางส่วนเย็นเฉียบจนสะท้าน บางส่วนกลับอุ่นสบายๆ  อีกสิ่งที่น่าสนใจคือทุกคนที่ลงไปแช่ในน้ำล้วนมีความรู้สึกตรงกันว่า หลังจากแช่น้ำแล้วรู้สึกสดชื่น หายเหนื่อย เหมือนพลังฟื้นฟูขึ้นมาทันที แต่ด้วยความมืดมิดภายในถ้ำทำให้ลำธารสายนี้ กลับดูลึกลับน่ากลัว มากกว่าน่าสนุกที่ได้ลงว่ายน้ำ

พระอริยสงฆ์ที่มาด้วย ท่านอนุญาตให้ลงอาบน้ำและเล่นน้ำได้ จากนั้นท่านก็เดินขึ้นไปทางต้นน้ำที่น้ำไหลผ่านลงมา

ขณะที่เกือบทุกคนกำลังสนใจอยู่กับแอ่งน้ำ และกระแสน้ำของลำธารที่ไหลผ่าน มีบุคคลหนึ่งในคณะเดินทางได้เดินขึ้นไปทางต้นน้ำ เป็นโขดหินสูงที่น้ำไหลลงมา เมื่อปีนขึ้นไปเขาได้เห็น งูยักษ์ มีหงอนสีแดง ตาสีแดง โดนกักบริเวณอยู่ที่ต้นน้ำ บุคคลท่านนี้ขณะนั้นรับราชการเป็นนายทหารยศนายพัน ( ปัจจุบันเป็น นายพลเกษียณราชการ ) เมื่อเห็นแล้วเขาก็เงียบไว้ไม่บอกใคร กลัวจะเกิดการแตกตื่นตกใจ รอจนกลับถึงที่พักแล้วจึงเล่าให้คนอื่นฟังในภายหลัง บุคคลที่กักบริเวณงูยักษ์ไว้ชั่วขณะหนึ่งนั้นก็คือ พระอริยสงฆ์ที่ช่วยนำทางให้พวกเรานั่นเอง

ถึงคนอื่นจะไม่เห็นพญานาคตัวเป็นๆ แต่ภายในถ้ำก็พบเห็น เหมือนรอยเลื้อยของสัตว์ขนาดใหญ่ที่พื้นถ้ำ เมื่อวิเคราะห์จากร่องรอยคาดกันว่า สัตว์ที่ทำให้เกิดรอยนี้ขึ้นมาน่าจะมีขนาดลำตัวกว้างพอๆกับ ถังน้ำมันขนาด 200ลิตร 

ภายในถ้ำลึกนี้ เราได้ทำพิธีขอเก็บมวลสารจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็น ปฐวีธาตุ และ หินแก้วผลึกใส มาจำนวนหนึ่ง  แต่จำนวนไม่มากนัก เพราะมีข้อจำกัดในการนำออกนอกประเทศตรงด่านชายแดน มีความเสี่ยงสูง ถ้าเกิดผิดพลาดก็จะไม่ได้กลับมาเมืองไทยโดยง่าย เรียกว่าข้ามชายแดนมาด้วยใจเต้นระทึก ใครไม่ลองเองคงยากที่จะเข้าใจ

เมื่อเดินทางกลับถึง ประเทศไทยแล้ว ทางคณะได้แวะเยี่ยมนมัสการ หลวงพ่อญาท่าน พระครูปภัศรคุณ ( บุญเลิศ ปภสฺสโร) วัดป่าสามัคคีศิริพัฒนาราม ได้กราบเล่าเรื่องราวของการเดินทางไปภูเขาควายให้ท่านทราบ ซึ่งท่านได้ยืนยันว่า บริเวณถ้ำที่ทางคณะเดินทางไปนั้นเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาแต่โบราณ ณ ปัจจุบันก็ยังมีพระอริยเจ้าบำเพ็ญเพียรปฏิบัติธรรมอยู่เป็นจำนวนมาก แต่คนธรรมดาจะไม่สามารถพบเห็นได้โดยง่าย สมัยที่หลวงพ่อญาท่านยังเป็นพระหนุ่มไปธุดงค์แถวนั้น ยังต้องปฏิบัติจริงจัง นั่งสมาธิอดข้าวอดน้ำอยู่ถึง 7 วัน ประตูมิติถึงเปิด ได้พบเห็นพระอริยเจ้าจำนวนมาก ณ สถานที่แห่งนั้น แต่ละท่านล้วนแต่มีอายุขัยหลายร้อยปี มากกว่ามนุษย์ในสมัยปัจจุบัน

อ.เทพ ได้นำปฐวีธาตุจากภูเขาควาย ให้หลวงพ่อญาท่านพิจารณา และถามว่า " หลวงพ่อครับ สิ่งนี้คือ พระธาตุ ใช่หรือไม่ครับ "

หลวงพ่อญาท่าน มองพิจารณาดูชั่วครู่ แล้วพยักหน้า ซึ่งเราคาดเดาว่าหมายถึง " ใช่ "

อ.เทพ สอบถามต่่อว่า " ไม่ทราบว่า เป็นพระธาตุ สรีระส่วนไหนเหรอครับ หลวงพ่อ "

หลวงพ่อญาท่าน ไม่ตอบ แต่ใช้มือทั้งสองข้าง ตบแขน ตบขา ของตัวท่านเอง หลายครั้ง เกิดเป็นเสียงดังมาก ดังผิดปกติจนหลายคนในคณะสะดุ้งตกใจ เสมือนบอกใบ้เป็นนัยว่า คือ สรีระส่วนแขน ส่วนขา  พร้อมพูดว่า " อย่าไปยึดติด ขอให้ตั้งใจฝึกจิต ปฏิบัติภาวนา "

หลังจากได้นำปฐวีธาตุจากภูเขาควายมาตรวจสอบด้วย ทิพยจักษุ ได้รับการยืนยันว่าเป็นของดี ของศักดิ์สิทธิ์ที่หาได้ยาก จากถ้ำครูบาอาจารย์จริง และได้รับคำแนะนำให้เก็บรักษาบูชาไว้ให้ดี ครูบาอาจารย์จะอำนวยพรให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง และ อ.เทพได้นำปฐวีธาตุจากภูเขาควายมาผสมเป็นมวลสารในการจัดสร้างพระโพธิญาณรุ่นปี พ.ศ.2542 ด้วย

ยังมีเขียนต่อ To Be Continued

ท่านสามารถ ร่วมสนทนา สอบถาม เล่าประสบการณ์ ได้ที่กระทู้ตามลิงค์ข้างล่าง

http://community.nakusol.com/index.php/topic,8.0.html

พุทธคุณ และ ประสบการณ์

พระโพธิญาณ อ.เทพ เกษมพรรณราย

พระเครื่อง พระโพธิญาณ ที่ อ.เทพ เกษมพรรณราย ได้จัดสร้างถวายวัดหนองเลา เมื่อปี พ.ศ. 2542 เฉพาะส่วนที่ อ.เทพ ได้เก็บรักษาไว้ ได้นำเข้ารับการอธิษฐานจิตเพิ่มเติมโดย หลวงปู่ทองดำ บรมครูสายณกุศล โดยบรรจุวิชาดวงธาตุณกุศล เน้นด้านการเสริมดวงชะตาเป็นการเฉพาะ ถือว่าเป็นสิ่งมงคล มีคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง และ เป็นพระชุดที่ไม่สามารถหาเช่าบูชาได้จากตลาดพระเครื่องทั่วไป

วิชาพุทธศาสตร์ ดวงธาตุณกุศล หรือ  โมเลกุลธาตุปรับดวงชะตา ( Destiny Molecular Activation ) เมื่อนำมาใช้ร่วมกันกับ พุทธคุณจากพระเครื่อง และบารมีของครูบาอาจารย์ในมิติเหนือโลก สายของบรมครูหลวงปู่ทองดำ  รวมสามสิ่งนี้เป็นหนึ่งเดียว จะสามารถก่อเกิดคุณอนันต์ตามศรัทธาของผู้บูชา

สำหรับท่านที่สนใจ ร่วมสนทนา สอบถาม เล่าประสบการณ์ ขอเชิญที่กระทู้สนทนา

ผงยา ณกุศล

ผง ณกุศล

สรรพ สิ่งในโลก เมื่อมีขาว ก็มีดำ ... เมื่อมีความสว่าง ก็มีความมืด ... เมื่อมีฝ่ายธรรมะ ก็มีฝ่ายอธรรม ... การดำรงชีวิตประจำวัน ถึงแม้คนจำนวนมากจะมีจิตใจดีงามยึดมั่นในพุทธคุณ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่หลงใหลในศาสตร์แห่งความมืด ใช้สิ่งอาถรรพณ์ต่างๆ เช่น ยาสั่ง เสน่ห์ยาแฝด  คุณไสย คุณคน คุณผี ผงพราย น้ำมันพราย สีผึ้งพราย สีผึ้งเสน่ห์ต่างๆ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้หลายคนอาจคิดว่าเป็นสิ่งไกลตัว แต่ความจริงเป็นสิ่งใกล้ตัวมากกว่าที่เราคาดคิด บางคนก็โดนให้สัมผัส โดนป้าย โดนทา หรือผสมให้กินเข้าไปโดยไม่รู้ตัว  บางคนก็โดนลูกหลงแบบเขาทดลองวิชาโดยส่งออกมาแบบสุ่มดวง ใครดวงตกก็รับเคราะห์เข้าตัว หรือเรียกกันทั่วไปว่า ลมเพลมพัด  ฯลฯ เมื่อสิ่งอาถรรพณ์สะสมในร่างกายนอกจากจะเป็นสิ่งอัปมงคลทำให้ชีวิตตกต่ำ  นานวันไปจะเกิดอาการเจ็บป่วยโดยไม่คาดคิดและรักษาไม่หาย ส่วนมากเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

วิชาพุทธศาสตร์นอกจากสายบุญฤทธิ์ จึงจำเป็นต้องมีสายอิทธิฤทธิ์ (ปราบอธรรม) ควบคู่กัน และบุคคลที่เดินในสายบุญฤทธิ์ นอกจากการฝึกฝนพัฒนาจิตด้วยการทำบุญ ฝึกจิตฝึกสมาธิ ยังจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะป้องกันตนเองจากศาสตร์มืดต่างๆ  ไม่ควรประมาท

ผง ณกุศล เป็นผงพุทธคุณชนิดพิเศษประกอบด้วยสมุนไพรหายากจากในดงลึก มีอิทธิฤทธิ์พิเศษเฉพาะตัวตามธรรมชาติ สร้างขึ้นตามตำรับลับในสายวิชาเฉพาะทาง แต่เดิมนั้นพระธุดงค์ในสายนี้จะพกผงพุทธคุณชนิดนี้ติดย่ามไว้เสมอ เนื่องจากเวลาธุดงค์ไปต่างถิ่นต่างแดนมักจะโดนผู้ฝึกไสยเวทย์ทดสอบวิชาในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการใช้ยาสั่งผสมลงในอาหารมาถวาย จึงจำเป็นต้องมีสิ่งที่ไว้ใช้ป้องกันและแก้ไขในเบื้องต้น สิ่งนี้มีชื่อว่า ผงณกุศล

อ.เทพ เกษมพรรณราย ได้รับผงพุทธคุณนี้มาจากพระธุดงค์ และได้รับการตรวจสอบทางจิตจากพระอริยสงฆ์ผู้ทรงภูมิทางจิต ยืนยันถึงพุทธคุณเฉพาะทาง เป็นสิ่งที่หาได้ยาก และมีพลังความแรง สามารถใช้ทำน้ำพุทธมนต์ ไว้ใช้ป้องกัน และแก้ไขสิ่งอัปมงคลต่างๆด้วยตนเอง โดยมีคุณประโยชน์ดังต่อไปนี้

* ทำน้ำพุทธมนต์ ประพรมบ้านเรือนร้านค้า เพื่อเสริม สิริมงคล ความดีงามต่างๆ

* แก้ ยาสั่ง เสน่ห์ยาแฝด  คุณไสย คุณคน คุณผี  ลมเพลมพัด แก้คราส อาถรรพณ์จากสุริยคราส จันทรคราส อาถรรพณ์ต่างๆ

* ทำน้ำพุทธมนต์ ประพรมรอบนอกบ้าน  เพื่อสร้างเขตแดนป้องกัน สิ่งอัปมงคล ลมเพลมพัด ไม่ให้ผ่านเข้ามาในเขตที่พักอาศัย

* ทำน้ำพุทธมนต์ ประพรมภายในบ้านเรือนร้านค้า  เพื่อแก้ไข ล้างธรณีสาร ไล่เสนียดจัญไร ไล่สิ่งอัปมงคล

* ผสมน้ำ เป็น น้ำพุทธมนต์ เพื่อใช้อาบ

* ผสมแป้ง เป็น ผงแป้งสำหรับใช้ทาตัว

การ ใช้งาน สามารถใช้ผง ณกุศล จำนวนเล็กน้อยผสมละลายน้ำ เพื่อทำน้ำพุทธมนต์ หรือ ใช้ผงแห้งผสมแป้ง แล้วแต่ความเหมาะสมกับสถานการณ์  ในแต่ละบ้านควรมีผง ณกุศล เก็บไว้ใช้เพื่อความสิริมงคล และป้องกันแก้ไขในเรื่องเฉพาะทางบางประการที่วัตถุมงคลทั่วไปครอบคลุมไม่ถึง

Pages