กรรมวิธีสร้างพระเครื่อง

คัดลอกมาเป็นวิทยาทาน

กรรมวิธีสร้างพระเครื่องหรือสร้างพระของกระผมนั้นเป็นกรรมวิธีโบราณที่ครูบาอาจารย์ท่านได้ถ่ายทอดให้

ครูบาอาจารย์ที่ท่านถ่ายทอดให้คือหลวงพ่อสมบูรณ์ สุขวฑฒโน วัดป่าปฐมพุทธาราม จ.เชียงราย ซึ่งท่านเป็นครูบาอาจารย์ของกระผม หลวงพ่อท่านสอนธรรมะแล้วท่านก็เป็นพระวัดป่าเป็นพระสุปฏิปันโนรูปหนึ่งของ เมืองไทย


เตรียมอุปกรณ์
1. มีดปอกผลไม้ สัก 2ด้าม เอาไว้ตัดพระ ตอนแกะจากพิมพ์
2.ขันสำริด หรือขันน้ำ เอาไว้ ช่วยตัดพระ
3.ครกหิน หรือครกธรรมดา ก็ได้
4.สากหิน หรือสากไม้ที่เป็นมงคลลงอักขระ ของกระผมใช้ไม้มะขามเทศน์
5.ช้อนเอาไว้ตักมวลสาร
6.สำลีบริสุทธิ์
7.ชามสำริด หรือชามทั่วไป ไว้ใส่น้ำมัน
8.กระชอนก้นลวด หรือตระแกรงใช้กรองมวลสาร
9.น้ำมันมะกอก ไม่นิยมใช้น้ำมันพืชเพราะ เดี๋ยวมดจะขึ้น ไม่นิยมใช้นำมันงาเพราะ จะเวียนหัวเวลาทำพระ น้ำมันจะช่วยไม่ให้พระติดพิมพ์
10.กระเบื้องปูพื้น ที่เรียบที่สุด เอาไว้กดพิมพ์พระ นิยมใช้กระเบื้องใหม่ที่ไม่เคยใช้
11.กระดาน ใช้วางพระเครื่องตอนรอแห้ง ใช้สมาทบอร์ดตราช้างก็ได้ เพราะถ้าใช้ไม้อัด ไม้อัดโดนความชื้นจะงอ พระเครื่องจะงอตาม
12.แปรงสีฟันใช้ทำความสะอาดแม่พิมพ์
13.หัวใจของท่านที่เตรียมพร้อม ให้สมาทานศีลห้า กรรมบทสิบให้บริสุทธิ์ก่อน

มวลสาร
มวลสารหลักๆที่ใช้ทำพระเครื่อง

1.ปูนซีเมนต์ขาว ซีเมนต์ขาวจะทำให้เราได้สีพระตามต้องการ
พระเครื่องสูตรนี้จะไม่ใช่ปูนเปลือกหอยเหมือนพระเครื่องสูตรอื่นๆ เพราะปัจจุบันนี้มีปูนมากมายที่จะทำให้แข็งได้ ปูนเปลือกหอยหรือปูนกินหมาก ยุ่งยาก และอาจจะเบียดเบียนสัตว์ได้ แม่ค้าบางคนอาจจะได้มาโดยเบียดเบียนสัตว์เราไม่ควรส่งเสริม
2.กล้วยน้ำว้า หรือกล้วยสกุลน้ำว้า สุกหง่อมมากๆ จะทำให้นานๆไปพระเครื่องจะขึ้นเงาสวยแตกลายงา
3.ข้าวเจ้าหอมมะลิสุก จะทำให้พระแตกลายงาสวย ที่ใช้ข้าวเจ้าหอมมะลิเพราะเป็นข้าวที่สูงค่าทีสุด
4.เกลือเกล็ด จะทำให้พระเครื่องเราแข็งประดุจหิน ตกน้ำไม่ละลาย ตกไฟไม่ไหม้ ไม่แตก พระเครื่องสูตรนี้ตกน้ำไม่ละลาย
5.ปูนขาวใส่นา หรือปูนขาวที่ใช้ปรับปรุงดินอะครับ จะเป็นเนื้อช่วยผสม ถ้าใส่แต่ซีเมนต์ขาวจะไม่แข็งแรงไม่ทนนาน แตกได้ง่าย หรือที่ไหนดินสอพองเยอะให้ใช้ดินสอพองแทน
6.ดินทั่วไปที่ท่านเห็นว่าสีสวยเนื้อดี มงคล ควรเป็นดินที่ไม่เหนียว หรือทราย เป็นดินละเอียดๆ ถ้าเป็นไปได้ให้ใช้ดินมันปู หรือไม่ได้จริงๆก็ให้ใช้ดินที่ท่านคิดว่าสมควรแล้วนำมาบด และกรองละเอียดที่สุดโดยตระแกรง
7.มวลสารอื่นๆที่ เห็นว่าเป็นมงคลโดยทำการบดละเอียดที่สุด กรองดีที่สุด
อย่างเช่นสูตรของหลวงพ่อสมบูรณ์ ท่านจะใช้ดินดำมงคลที่เชียงแสนนะครับ จะเป็นดินดำสนิท เป็นดินที่มีความศักสิทธ์ละเอียดมาก ไม่ต้องกรองเลยก็ได้ แต่กระผมไม่ชอบสีดำ สูตรกระผมจะใช้ดินแดงแทน พระเครื่องของกระผมจะหนักไปทางสีแดงสีสว่างๆ
8.สีผสมอาหาร สีที่ท่านต้องการ
ท่านอยากได้สีอะไรให้นำมวลที่เป็นสีที่ต้องการหรือผสมเอาเอง
9.มวลสารอื่นๆที่ท่านเห็นว่ามงคล เช่นของปาล์มจะใช้ข้าวสารเสกจากหลวงพ่อโอภาสี อิฐเก่าพระเจดีย์ พระเครื่องเก่าที่แตกหักพัง แต่ไม่ใช่ไปลักมานะ ต้องได้มาโดยบริสุทธิ์ น้ำสรงพระบรมสารีริกธาตุ ดินจากรอยพระพุทธบาท และอะไรอีกมากมายสุดแท้แต่ท่านจะสรรหา แต่มวลสารที่หายากและมงคลสุด คือเนื้อดินที่เป็นบล๊อกหล่อสมเด็จองค์ปฐมฯ เพราะเทพ พรหมทุกองค์ท่านลงมาดูแลทั้งหมด ข้อนี้ปาล์มได้เปรียบเพราะพอหาได้ ว่านต่างๆ เช่นว่านหนังเหนียวเป็นของตกทอดมาแต่บรรพชนปาล์ม ว่านเหลียมธนังจากเขมรฯลฯ
10.ธูปที่ยังไม่จุด จะช่วยให้พระไม่ติดพิมพ์เนื้อเนียนกลิ่นหอมด้วย นำธูปไปแช่น้ำ แล้วนำมาผสมตอนตำมวลสาร


กรรมวิธีการทำ
1.ท่านมีพิมพ์พระแล้วหรือยัง สูตรกระผมนิยมใช้พิมพ์แกะเอง จะไม่เหมือนใครในโลก ให้ใช้หินทราย ขนาดประมาณ กว้าง ยาว สูง 10 เซ็นติเมตร มาขัดให้ผิวด้านหนึ่งเรียบ จากนั้น วาดรูปพิมพ์พระที่เราต้องการลง และเริ่มการแกะให้ได้ตามต้องการ ใช้ตะปูและมีดปลายแหลมแกะ ขณะแกะว่าคาถาไปด้วย อยากให้คงกระพันก็บ่นคาถาทางคงกระพัน ทางรวยก็รวย เมตตาก็เมตตา ถ้าท่านได้จิตแจ่มใสไกลกิเลสบ้าง ก็ขอบารมีเทพพรหม ท่านมาดลใจให้แกะสวยๆ พิมพ์ที่กระผมชอบที่สดคือพระเจ้าห้าพระองค์ รองลงมาพิมพ์สมเด็จฉัพพรรณรังสี เป็นพิมพ์ที่แกะเองตั้งชื่อเอง เพราะชอบไม่เหมือนใคร
2.เมื่อได้พิมพ์พระแล้ว เราก็มาเตรียมมวลสารกัน โดยการใส่กล้วยลงไปในครก ตำๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จนละเอียด ที่สุด เละดีแล้ว ใส่ข้าวสุก ตำๆๆๆ ใส่มวลสารอื่นๆ ปูนขาว ซีเมนต์ขาว แนะนำให้ใส่ซีเมนต์ขาวหลังสุด และน้ำเกลือเกล็ด น้ำเกลือเกล็ดคือเอาเกลือเกล็ด มาละลายน้ำ จะใช้เป็นตัวทำละลาย ห้ามใส่เยอะ หรือใส่เร็วก่อนตำมวลสารจนได้ที่ เพราะว่า เนื้อมวลสารจะแข็งก่อนเราสร้างพระได้เสร็จทั้งหมด น้ำสะอาดด้วยนะครับไม่งั้นจะแห้งเกินไปไม่พอดี

3.นำแม่พิมพ์ มาทาด้วยน้ำมันมะกอกให้ทั้ว ไม่ใช่เยอะเกินนะครับ พอดีๆ โดยใช้สำลีชุบน้ำมัน
จากนั้นนำมวลสารที่ผสมตำจนพอดีแล้ว มาขนาดประมาณว่าใหญ่กว่าแม่พิมพ์พระ จากนั้นกดลงแม่พิมพ์ให้เต็มจนล้นบ้าง จากนั้นนำแผ่นกระเบื้องกดทับลงให้แรงที่สุดแน่นที่สุด แม่พิมพ์อยู่ล่าง กระเบื้องอยู่บน
4.พลิกกลับขึ้นให้กระเบื้องอยู่ล่างจากนั้นค่อยดึงแม่พิมพ์ขึ้นโดยยังให้พระที่ได้แล้วติดกับกระเบื้องแต่ดึงแม่พิมพ์ออก
5.มาถึงขั้นนี้แล้ว เราจะได้พระแล้วหละ ได้พระแต่ว่า ยังไม่สวยคือยังไม่ได้แต่งกรอบ ให้เราใช้มีดปอกผลไม้ จุ่มน้ำสะอาด แล้ว เล็งลงตรงที่เราจะตัดคือกรอบพระตัดลงตรง 180องศา ฉึบเดียวให้ขาดแล้วปัดมวลสารส่วนเกินลงไว้ในครก ปาดไปเรื่อยๆ อย่างพระพิมพ์นางพญา 3เหลี่ยมก็ปาดสามครั้ง ใช้มีดสะอาดจุ่มน้ำอีกที มาลูบๆตามขอบแต่งให้สวยยังไงก็ได้ แต่งๆไป พอได้สวยดีดังว๊อนแล้ว ก็ค่อย ยกพระไปวางบนสมาทบอร์ด ยกกระเบื้องที่มีพระวางบนอะแหละไปไกล้ๆ แล้วใช้มีด ค่อยๆผลักท่านลงตรงที่จะวาง ให้ใช้มีด 180องศาตลอด ค่อยๆวาง ไม่งั้นพระจะเบี้ยว
6.เมื่อจะทำองค์ต่อไป ก็ให้นำแม่พิมพ์ทำความสะอาดด้วยการใช้แปรงสีฟัน ขัดๆ ทำความสะอาดด้วยน้ำ อย่าขัดแรงเกินไปเพราะพิมพ์จะพัง
7.เมื่อทำจนหมดครก หรือวันนี้เหนื่อยแล้ว ถ้าพิมพ์ไม่ใหญ่ จะได้พระเยอะ เมื่อได้ตามต้องการ หรือว่าเหนื่อยแล้ว มวลสารหมดไป 1ครกแล้ว เราก็หยุด นำพระทั้งหมดที่ได้ไปผึ่งในที่ร่ม ห้ามตกแดดเด็ดขาด
8.หรือใครมีลูกมือเยอะ ตำอีกครกย่อมไม่มีปัญหาตามเดิม แต่ว่า ถ้ามีเรามือไม่นิ่งแต่ละครก พระจะมีสีไม่เหมือนกันมาก หรือสีเพี้ยน ถ้าไม่ต้องการเพี้ยนก็ชั่งตวงให้ดีๆ มวลสารที่ตำและผสมแล้วให้ทำให้หมด ไม่งั้นจะแข็งทิ้ง หรือควรผสมแต่น้อยๆ จะได้ทำทันไม่ขี้เกียจ
9.การผึ่งพระที่ห้ามตากแดดเพราะจะทำให้แห้งเร็วเกิน เนื้อพระจะแตกหัก เพราะเกิดการคายน้ำอย่างแรง
10.ควรเก็บพระไว้ที่ปราศจากอะไรรบกวน พระรุ่นนี้จะมีอิทธิฤทธิ์แม้ยังไม่ปลุกเสก ถ้าเก็บไม่ดี ท่านจะหนีหมด เพราะหนูจะเอาไปบูชาบนหลังคาบ้านหมด เพราะหอมกล้วยกับข้าว ให้เก็บดีๆ ไม่งั้นท่านหายหมด ประมาณ 3 วัน ในอุณหภูมิห้อง พระท่านจะแห้งดี แข็งเป๊ก สมบูรณ์แบบ แต่อย่าพึ่งนำไปเข้ากรอบ เพราะความชื้นยังไม่หมด ถ้าเข้ากรอบให้เจาะรูไว้บ้างไม่งั้นกรอบจะมีไอน้ำ

11.หลังการทำแล้วทุกครั้ง ทำความสะอาดเก็บให้ดี ไม่งั้น ครก ท่านจะเริ่มใหญ่ขึ้นๆ เพราะ มวลสารที่ท่านไม่ทำความสะอาดออก จะแข็งเหมือนหิน
12.เทคนิคขั้นสูง ให้ตำมวลสารด้วย ปลายสาก ปรกติเขาตำน้ำพริกจะใช้ด้านใหญ่ตำ แต่ตำมวลสารให้ใช้ด้านเล็ก เพราะมวลสารจะแหลกเร็วและอีกอย่าง ปริศนาธรรมคือพระท่านไม่ตามโลกของกิเลส ท่านโลกุตระ เราตำน้ำพริกเพราะตามกิเลส ใช่มั้ยจึงเอาด้านใหญ่ตำ

การปลุกเสก นิยมให้ท่านว่าพระคาถาที่ท่านชอบหรือศักสิทธิ์ตามที่ท่านต้องการ ของกระผมเอาพระคาถาเงินล้านอย่างเดียว ใครเอาไปบูชาให้รวยอย่างเดียว รวย รวย รวย บ่นให้รวย แช่งให้รวย ให้ท่านท่องคาถาไปด้วยทุกขั้นตอนการทำ และตอนทำทุกขั้นตอน ท่านต้องมีกรรมบทสิบครบ พระจะศักดิ์สิทธิ์มากๆ ไม่ใช่กดพิมพ์พระไปด่าลูกไป อันนี้ใช้ไม่ได้

อีกอย่างหากมีการบวงสรวงก่อนทำ ก็จะดีมากๆ หรือถ้ามีงานใหญ่ๆ ครูบาอาจารย์ท่านบวงสรวงท้าวมหาราช หละก็ให้นำพระเครื่องที่ท่านทำไปเข้าร่วม วางบนโต๊ะบวงสรวง จะขลังมากๆ เพราะ ผู้มีพระคุณ เทพ พรหมลงมาหมด ท่านจะรักษาพระเครื่องทำให้ขลังขึ้นมากๆ ถ้าจะเอาแจ่มจริงๆ จัดพุทธาภิเษกเลย

หากจะเอาแจ่มๆ มากๆก็นำไปให้ครูบาอาจารย์ที่ทรงอภิญญา หรือพระอรหันต์ท่านอธิษฐานจิตให้ พระไม่ขังนะ ไม่ใช่สุ่ม แต่พระจะมีอานุภาพมาก ถ้าผู้ทำเจตนาบริสุทธิ์ แล้วก็มวลสารดี ถึงยังไม่ทำเป็นพระก็ขลังอยู่แล้ว ยิ่งทำเป็นพระจะขลังขนาดไหน ที่สำคัญผู้อธิษฐานจิต จะทรงอานุภาพมาก ก็ส่วนนี้ พระเครื่องมีหลายท่านหลายคนทำมากมาย แต่ขลังไม่เท่ากัน ลองคิดดู ไม่ใช่พระไม่ดี พระท่านอยู่ไหนก็ดี ท่านเป็นพระโดยสมบูรณ์แล้ว แต่ว่าในแง่ของความขลัง

แต่ที่สำคัญอย่าลืมไม่ว่าพระอะไรก็ช่างใครทำก็ช่าง นั่นคือพระพุทธรูป รูปแทนแห่งพระพุทธเจ้า ท่านได้โปรดอย่าปรามาสนะกรรมหนักนะ

อีกอย่างเมื่อดูพระเครื่องให้ดูมาที่ตัวเรา พระดีขนาดไหน ท่านไม่เอากับเรานะถ้าเราเลวซะอย่าง ให้คล้องพระเข้ามาในใจด้วย ไม่ใช่คล้องวัตถุมงคล แต่ตัวเองทำอัปมงคลไปทั่ว ให้คล้องระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย ให้ท่านเร่งละความชั่ว เกรงกลัวต่อบบาป เร่งภาวนา ตัดกิเลสไปเสีย อย่ามัวมาโง่เง่ากับกิเลส