พระโพธิญาณ หลวงปู่ทองดำ บรมครู

พระโพธิญาณ หลวงปู่ทองดำ บรมครูสายณกุศล

1. มูลเหตุการจัดสร้าง พระโพธิญาณ หลวงปู่ทองดำ

พระเครื่องชุดนี้จัดสร้างสำเร็จใน ปี พ.ศ.2542 หรือ ค.ศ. 1999 หากเราย้อนอดีตกลับไปในยุคสมัย ค.ศ.1999 หลายคนจะจำได้ว่า เป็นยุคสมัยที่ คนทั้งโลก ทุกประเทศ ทุกเชื้อชาติ ตื่นตระหนกกับเรื่องราวต่างๆมากมาย เช่น

* ปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ล้มเหลวทั่วโลก ที่จะเกิดขึ้นใน ปี ค.ศ.2000 หรือ Y2K ... ถ้าทุกอย่างที่เชื่อมโยงกับระบบคอมพิวเตอร์เกิดปัญหาขึ้นมา ก็ไม่ต่างอะไรกับวันโลกาวินาศ เพราะธุรกิจการค้า การเงินการธนาคาร การขนส่ง โทรศัพท์ ไฟฟ้า น้ำประปา สาธารณูปโภค การดำรงชีวิตต่างๆล้วนเชื่อมโยงกับระบบคอมพิวเตอร์ 

* ความเชื่อเรื่อง วันสิ้นโลก ภัยพิบัติธรรมชาติ และ หายนะต่างๆ ที่มีการตีความตามคำทำนายของ นอสตราดามุส ที่ว่าจะเกิดขึ้นใน ปี ค.ศ.2000 คำทำนายเหล่านี้ได้แพร่กระจายและเป็นที่กล่าวถึงกันในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย

* คำพยากรณ์ หรือ คำเตือน เรื่องภัยพิบัติ จากนักบวช ในศาสนาต่างๆ รวมถึง พุทธศาสนาในประเทศไทย ล้วนมีคำเตือนที่สอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน

อ.เทพ เกษมพรรณราย ได้จัดสร้างพระเครื่องรุ่น พระโพธิญาณ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆในยุคความเชื่อเรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ.2000

การสร้างพระเครื่องเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในครั้งนั้น มีปัญหาอุปสรรคต่างๆมากมายหลายเรื่อง เช่น พระเครื่องที่สร้างในปี ค.ศ.1998 โดนกรรมการวัดแห่งหนึ่งขโมยไปทั้งหมด ก็ต้องรีบจัดสร้างขึ้นมาใหม่จนเสร็จสิ้นในช่วงปลายปี ค.ศ.1999 เรียกว่า ฉิวเฉียด ใกล้กับกำหนดเวลาย่างเข้าสู่ ปี 2000

2. เหตุใดจึงเลือก หลวงปู่ทองดำ เป็นผู้อธิษฐานจิตสำหรับ พระเครื่องในยุคโลกาวินาศปี 2000

ครูบาอาจารย์ในโลกทิพย์ของสายหลวงปู่ทองดำนั้น มีความเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับ งานด้านภัยพิบัติ การอนุรักษ์ส่วนที่สำคัญและการคัดกรองผู้ถูกเลือก ดังนั้นการที่หลวงปู่ทองดำอารธนาครูบาอาจารย์ในสายของท่านมาช่วยในการอธิษฐานจิตวัตถุมงคล ถือว่าตรงกับวัตถุประสงค์เริ่มต้นในการจัดสร้างมากที่สุด

ในช่วงบั้นปลายชีวิตของหลวงปู่ทองดำ ท่านได้เคยสั่งกำชับ อ.เทพ ให้พกพระเครื่องชุดนี้ติดตัวไว้ตลอด ด้วยเหตุผลพิเศษที่คนส่วนใหญ่อาจไม่เคยได้รับรู้หรือคาดคิดมาก่อน ทางณกุศลจะเขียนเล่าเรื่องนี้แยกเป็นบทความบทใหม่ เนื่องจากมีรายละเอียดเรื่องราวที่ต้องเขียนค่อนข้างมากพอสมควร และเป็นเหตุผลที่ทาง อ.เทพ จะไม่นำพระเครื่องชุดนี้ให้ใครเสกทับอีกเลย ยกเว้นเชิญครูบาอาจารย์ในสายจากมิติโลกทิพย์มาประสิทธิอำนวยพรให้ ตามวิธีการและบทเชิญที่หลวงปู่ทองดำได้เคยสอนและมอบไว้ให้

3. เหตุใดจึงเลือกสร้างเป็น รูปเหมือนพระประธาน วัดหนองเลา

ความจริงแล้ว สามารถสร้างเป็น รูปเหมือนพระพุทธแบบใดก็ได้ แต่เนื่องจาก อ.เทพ เคยได้มาบวชเพื่อปฏิบัติธรรมที่วัดหนองเลา เมื่อ ปี พ.ศ.2539 ทราบประวัติว่า วัดหนองเลาไม่เคยมีการจัดสร้างรูปเหมือนพระประธานในโบสถ์มาก่อน และวัดยังต้องใช้เงินในการพัฒนาวัดอีกมาก ณ เวลานั้นทางวัดจึงยังไม่มีโครงการที่จะลงทุนเงินหลายแสนบาทเพื่อจัดสร้างวัตถุมงคลเป็นรูปเหมือนพระประธานในโบสถ์

เมื่อ อ.เทพ มีแนวคิดที่จะสร้างพระเครื่องเพื่อใช้กันเองในครอบครัวและคนใกล้ชิดสำหรับภัยพิบัติปี 2000 อยู่แล้ว จึงเลือกที่จะสร้างพระเครื่องเป็นรูปเหมือนพระประธานในโบสถ์วัดหนองเลา เพื่อเป็นการตอบแทนคุณ และเป็นที่ระลึกที่ได้เคยมาบวชเพื่อปฏิบัติธรรม

การสร้างพระเครื่องพิมพ์อื่น ความจริงกลับง่ายและสะดวกมากกว่า เพราะสามารถออกแบบได้โดยไม่มีข้อจำกัด

ในการขึ้นหุ่นปั้นรูปเหมือนพระประธานด้วยขี้ผึ้ง ทางหัวหน้าช่างซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่ให้ความนับถือกัน ได้แนะนำว่า พระประธานวัดหนองเลาเป็นงานศิลปะฝีมือชาวบ้าน สัดส่วนและรายละเอียดจึงยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร ทางรุ่นพี่ได้ปรับเปลี่ยนรายละเอียดสัดส่วนให้ใหม่หมดและสวมใส่เครื่องทรงจักรพรรดิ์เต็มรูปแบบ เมื่อนำหุ่นขี้ผึ้งไปให้ทางวัดได้ชม ใครเห็นก็ชมว่า สวยมาก งดงามมาก แต่ไม่เหมือนเลย ... ถ้าจะสร้างรูปเหมือนก็ต้องสร้างให้เหมือนต้นแบบ ... สรุปว่าต้องให้ช่างปั้นหุ่นขี้ผึ้งขึ้นมาใหม่ เพราะสิ่งต่างๆนั้นย่อมมีเอกลักษณ์ในตนเอง ... มีเอกลักษณ์จึงมีความแตกต่าง ... มีความแตกต่างจึงมีความเฉพาะตัว สามารถแยกแยะจดจำได้ง่าย

การที่เมื่อสร้างออกมาแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นการสร้างพระเครื่องรูปเหมือนของพระประธานเป็นครั้งแรก ที่ไม่เคยมีปรากฎมาก่อนหน้านี้ แต่สิ่งนี้ไม่ได้เป็นสาระสำคัญให้ใจเราไปยึดติด ยึดมั่นถือมั่น ทำแล้วก็ปล่อยวางไว้ ... ดังนั้นแทนที่จะใช้คำเรียกลงท้ายว่า " รุ่นแรก " อ.เทพ ให้ณกุศลใช้ ปี พ.ศ.ที่จัดสร้าง ในการเรียก เช่น 2541 2542 แทนคำว่ารุ่นแรก รุ่น1 หรืออื่นๆ ... การใช้ ปี พ.ศ. กำกับในการเรียกชื่อนั้น มีคุณประโยชน์หลายอย่าง กาลเวลาเป็นสิ่งที่ไม่ย้อนกลับ และเป็นการบันทึกข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่ชัดเจนสำหรับคนรุ่นต่อไป

4. ชื่อรุ่น พระโพธิญาณ

พระเครื่องรุ่นนี้ ก่อนสร้างก็ได้รับชื่อพระนามเรียบร้อยแล้วว่า พระโพธิญาณ ไม่ว่าจะสร้างเป็นพระพุทธพิมพ์ใดแบบใด ก็จะมีชื่อพระนามเรียกว่า พระโพธิญาณ

ในรายละเอียดยังไม่สะดวกที่จะเขียนอธิบายว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ถ้าเขียนจะเป็นบทความที่ยาวมาก

 

เรื่องควรรู้ พระโพธิญาณ ความบังเอิญหรือฟ้าลิขิต

เรื่องควรรู้ พระโพธิญาณ ชื่อนั้นสำคัญไฉน เป็นความบังเอิญ หรือฟ้าลิขิต

บทความนี้ เขียนบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ทางณกุศลไม่ได้บังคับ

1. เรื่องชื่อของ พระประธานในโบสถ์ ยุค ปี พ.ศ.2539

ในเดือน พฤศจิกายน ปี พ.ศ. 2539 อ.เทพ เกษมพรรณราย ได้ลาหยุดงาน 1 เดือน เพื่อบวชทดแทนคุณบิดามารดา โดยเลือกสถานที่ในการบวชและปฏิบัติธรรมฝึกสมาธิที่ วัดหนองเลา จ.มหาสารคาม

ในช่วงที่บวชนั้น ที่วัดหนองเลามีพระลูกวัด 2 รูปที่คุ้นเคยกัน คือ หลวงพี่นะ หลวงพี่เอ้บ ที่เรียกสรรพนามเป็นหลวงพี่ คือ นับตามอายุการบวช แต่หากนับตามอายุจริง หลวงพี่ทั้งสองรูปก็อายุพอๆกับ หลานคนโตของ อ.เทพ

หลวงพี่เอ้บ ในภายหลังได้ข่าวว่า ไปรับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสที่วัดแห่งหนึ่ง แต่เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพด้านสายตาทำงานด้านเอกสารไม่สะดวกจึงกลับมาอยู่วัดหนองเลา เมื่ออายุมากแล้วชาวบ้านเรียกท่านว่า หลวงปู่เอ้บ ท้ายสุดเห็นข่าวและรูปภาพจากใน facebook ว่าหลวงปู่เอ้บมรณภาพเสียชีวิตแล้ว

ส่วนหลวงพี่นะ หลังจากรับหน้าที่เป็น พระเลขาของเจ้าอาวาส งานยุ่งมาก สุดท้ายมีเหตุให้ลาสึกออกมาเป็นฆารวาส และไม่ทราบข่าวคราว

สมัยนั้น ชาวบ้านและพระสงฆ์ในวัดจะเรียกพระประธานในโบสถ์ว่า " หลวงพ่อใหญ่ "

แต่ความสับสนอย่างหนึ่ง คือ เวลาเรียกสรรพนามแทนเจ้าอาวาส ก็เรียก หลวงพ่อใหญ่ " ด้วยเช่นกัน

อ.เทพ ก็เลยถามพวกหลวงพี่ว่า " เวลาหลวงพี่พูดว่า หลวงพ่อใหญ่ แล้วผมจะรู้ได้อย่างไรว่า หลวงพี่หมายถึง พระประธานในโบสถ์ หรือ หมายถึง เจ้าอาวาส "

หลวงพี่นะ ก็ว่า " เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ต่อไปเรียกเจ้าอาวาสว่า " หลวงพ่อเงิน " ส่วนพระประธานก็เรียก " หลวงพ่อใหญ่ " เหมือนเดิม

 

2. ชื่อของ พระประธานในโบสถ์ ยุคเว็บไซต์ และ หนังสือ สิ่งพิมพ์

เหตุการณ์นี้จำปี พ.ศ.ที่แน่นอนไม่ได้ สมัยนั้น อ.เทพ ก่อตั้งเว็บไซต์ณกุศลขึ้นมาแล้วเป็นเวลานานหลายปี วันหนึ่งมีโอกาสแวะไปทำบุญที่วัดหนองเลา และได้รับบันทึกข้อมูลที่เจ้าอาวาสเขียนสรุป ประวัติของวัดหนองเลา จึงได้ขออนุญาตนำมาเขียนลงในเว็บไซต์ณกุศล

โดยข้อมูลที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ณกุศล ทางณกุศลได้เขียนข้อมูล เพิ่มเติม ลงไปด้วยหลายอย่าง แต่มีข้อมูลอยู่อย่างน้อย 2 อย่างที่ หากใครคัดลอกข้อมูลจากเว็บณกุศลไป ทางเราจะรู้ทันทีว่าลอกไปจากทางณกุศล พูดภาษาชาวบ้านแบบง่ายๆ คือ เราวางยาไว้อย่างน้อยสองจุดด้วยกัน

จุดวางยาที่หนึ่ง

หนึ่งในข้อมูลที่ ณกุศล ตั้งใจเขียน เปลี่ยนแปลง คือ ชื่อของพระประธานในโบสถ์ หากใครได้ข้อมูลจากคนในท้องถิ่นควรจะต้องเรียกว่า " หลวงพ่อใหญ่ " หรือคำที่ใกล้เคียงกัน แต่ณกุศล เขียนในบทความที่เว็บไซต์ณกุศลโดย ถวายพระนามให้ท่านใหม่ว่า " พระโพธิญาณ " ซึ่งในยุคสมัยนั้น ไม่มีใครเรียกชื่อพระประธานในโบสถ์วัดหนองเลาว่า พระโพธิญาณ 

ชื่อพระนาม พระโพธิญาณ นั้นทางณกุศล นำมาจาก ชื่อรุ่นของพระเครื่องที่ อ.เทพ สร้างไว้ในปี พ.ศ.2542 นั่นเอง ... เพื่อให้ ชื่อของพระประธาน และ ชื่อรุ่นของพระเครื่องซึ่งเป็นรูปแบบจำลองของพระประธาน มีชื่อที่สอดคล้องกัน

3 เหตุการณ์ กลยุทธ ป่าล้อมเมือง ... ความบังเอิญ หรือ ฟ้าลิขิต

1. ปรากฎว่าหลังจากนั้น มีหลายเว็บไซต์ได้คัดลอกบทความที่ณกุศลเขียนไว้ จึงเป็นการเผยแพร่กระจายข้อมูลออกไปในวงกว้างว่า พระประธาน วัดหนองเลา นามว่า พระโพธิญาณ

2. ปรากฎว่าหลังจากที่ ณกุศลเขียนเผยแพร่ข้อมูลของ พระเครื่องรุ่นพระโพธิญาณ ที่จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ.2542 มีนักขายพระเครื่องหลายคนได้เดินทางไปวัดหนองเลา โดยหวังว่าที่วัดจะมีพระเครื่องหลงเหลือให้เช่าบูชา เพื่อนำมาขายต่อทำกำไร ... บรรดานักขายพระเครื่องเหล่านี้ ล้วนเรียกชื่อพระประธานในโบสถ์ว่า พระโพธิญาณ ตามข้อมูลที่ณกุศลเคยเขียนไว้ และ นำไปพูดคุยกับทางวัดด้วยชื่อนี้เช่นกัน

3. ปรากฎว่ามี หนังสือเล่มหนึ่ง รวบรวมเรื่องวัดในประเทศไทย พิมพ์จัดจำหน่าย และภายในมีเนื้อหาของวัดหนองเลา โดยระบุชื่อพระประธานว่า ชื่อ หลวงพ่อพระโพธิญาณ และมีข้อมูลอีกหลายอย่างที่ณกุศลเคยเขียนดัดแปลงเพิ่มเติมไว้เพื่อเป็นจุดสังเกตุเวลามีใครคัดลอกไปใช้โดยไม่ได้มาขออนุญาตจากทางณกุศล ...  เรื่องนี้น่าชื่นชมในความตั้งใจ การพยายามรวบรวมข้อมูลจากหลายๆที่ และสามารถเขียนเรียบเรียงขึ้นมาใหม่ ในรูปแบบของตัวเอง อธิบายในรายละเอียดต่างๆเพิ่มเติมได้ดี ... เพียงแต่น่าสงสัยว่ามีการลงพื้นที่จริงเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่แท้จริงหรือไม่ เพราะข้อมูลที่ลงพิมพ์ไม่ตรงกับเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น ... ที่น่าสนใจคือมีพระสงฆ์ที่เกี่ยวข้องกับวัดหนองเลาใช้หนังสือเล่มนี้เป็นหลักฐานอ้างอิงในการประชาสัมพันธ์ประวัติของวัด ... หมายความว่าชื่อ หลวงพ่อพระโพธิญาณ นั้นเป็นที่ยอมรับของคนทางวัดเช่นกัน 

เรื่องเหล่านี้ ณกุศลเคยเล่าให้ พี่ชายและพี่สะใภ้ฟังและสรุปว่า เดี๋ยวนี้คนเค้าเรียกชื่อพระประธานในโบสถ์ว่า พระโพธิญาณกันแล้ว พี่ชายฟังแล้วก็เงียบๆ แต่พี่สะใภ้รีบดุเลยว่า  " ทำอะไรไม่เข้าเรื่อง  "

มีคนกล่าวกันว่า " ความบังเอิญไม่มีในโลก " ดังนั้น ณกุศล บอกได้เพียงว่า คงเป็นฟ้าลิขิต หรือเจตจำนงค์ของสิ่งศักดิสิทธิ์ ที่ทำให้พระนามของพระประธานถูกเรียกเปลี่ยนจากเดิมเป็นชื่อใหม่ คือ พระโพธิญาณ โดยเป็นที่ยอมรับทั่วกัน ทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่

ณ ปัจจุบัน ณกุศลเองก็ไม่แน่ใจว่า จะเหลือคนมากน้อยแค่ไหนที่ยังเรียก พระประธานว่า หลวงพ่อใหญ่ .... เห็นข้อมูลใน facebook นักสะสมพระเครื่องรุ่นใหม่บางคนถึงกับบรรยายลักษณะ พระงาแกะรุ่นเก่า ยุคสมัยหลวงปู่ทอง อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองเลาว่า ภายในซุ้มพระงาแกะคือ พระโพธิญาณ เห็นแล้วก็แปลกใจว่า พระปางมารวิชัย เขาก็เรียกว่า พระโพธิญาณ ด้วยเช่นกัน ... เพี้ยนลามกันไปถึงขนาดนั้นแล้ว

โดยส่วนตัว ณกุศล มองว่า ใครจะเรียกว่า หลวงพ่อใหญ่ ... ใครจะเรียกว่า พระโพธิญาณ ... ใครจะเรียกว่า พระประธานในโบสถ์ .... ทั้งหมดก็หมายถึง พระองค์เดียวกัน ... ต่างกันแค่ว่า ใครจะเรียกอย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปกำหนดกฎเกณฑ์ว่า ใครถูกหรือผิด

เขียนบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ทางณกุศลไม่ได้บังคับ

ใครทิฐิมานะสูง ยอมรับความจริงไม่ได้ ณกุศลไม่ได้บังคับ 

จุดวางยาที่สอง ณ ตอนนี้ณกุศลยังไม่เขียนเปิดเผยข้อเท็จจริง ส่วนนี้ได้รับการคัดลอกตีพิมพ์ลงในหนังสือด้วยเช่นกัน แต่บางทีณกุศลอาจจะปล่อยไปเรื่อยๆโดยไม่เขียนอะไรเลย เก็บไว้ดูว่า ใครจะเป็น Guru ผู้รอบรู้ตัวจริง หรือเพียงมั่วนิ่ม

พระโพธิญาณ ปี พ.ศ. 2542

พระโพธิญาณ อ.เทพ เกษมพรรณราย

พระโพธิญาณ ปี พ.ศ.2542 

ผู้ออกแบบ ดำเนินงาน และ ออกทุนทรัพย์ในการจัดสร้างทั้งหมด คือ อ.เทพ เกษมพรรณราย

จัดสร้างในปี พ.ศ.2542 โดยได้รับอนุญาตจาก หลวงพ่อเงิน เจ้าอาวาสวัดหนองเลา ในการจัดสร้าง

อ.เทพ ผู้จัดสร้าง ได้กำหนดชื่อพระเครื่องรุ่นนี้ว่า รุ่น พระโพธิญาณ

พระเครื่องในรุ่นนี้ มีทั้งพระเนื้อผง และ พระกริ่งเนื้อโลหะอุดกริ่งอุดผง จัดสร้างโดยนำ พระประธานในโบสถ์ของวัดหนองเลามาเป็นต้นแบบในการจัดสร้าง และมีวาระที่น่าสนใจกล่าวถึง คือ เป็นครั้งแรกในรอบ 200 กว่าปี ของวัดหนองเลา ที่มีการสร้างพระเครื่องเป็นรูปเหมือนของพระประธานในโบสถ์วัดหนองเลา และออกให้ทำบุญในนามวัดหนองเลา

( ความจริง การสร้างพระเครื่องโดยใช้ต้นแบบจากพระประธานในโบสถ์วัดหนองเลา มีการสร้างครั้งแรกสุด ในปี พ.ศ.2541 โดย อ.เทพ เกษมพรรณราย เป็นผู้จัดสร้าง ... แต่พระเครื่อง ปี 2541 ในระหว่างฝากเสกอธิษฐานจิตที่วัดแห่งหนึ่ง ถูกกลุ่มกรรมการวัดแห่งนั้นวางแผนขโมยไปทั้งหมด เพื่อนำไปจำหน่ายหาเงินรายได้เข้ากระเป๋า พระรุ่น ปี 2541 จึงไม่ถูกนับว่าเป็นพระเครื่องที่ออกในนามวัดหนองเลา ในรายละเอียด ณกุศลได้เขียนบันทึกไว้ที่ http://www.nakusol.com/node/457 หลังจากนั้น อ.เทพ จึงได้สร้างพระรุ่นปี 2542 ขึ้นมา โดยออกแบบใหม่ทั้งหมด ไม่ซ้ำแบบเดิม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีความสวยงามลงตัวมากกว่ารุ่น 2541 เพื่อทดแทนพระเครื่องที่ถูกขโมยไป )

เมื่อจัดสร้างพระรุ่น ปี พ.ศ.2542 เสร็จแล้ว ได้มีการแบ่งพระเครื่องออกเป็น 2 ส่วน แต่ละส่วนมีจำนวนประมาณครึ่งหนึ่งของการจัดสร้าง คือ

1. พระโพธิญาณ ชุดถวายวัด คือ ส่วนที่แจกผู้ร่วมทำบุญ งานกฐิน วัดหนองเลา ปี พ.ศ.2542 และจำนวนประมาณครึ่งหนึ่งของการจัดสร้าง ได้นำถวายให้วัดหนองเลา ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อให้ทางวัดเก็บไว้แจกให้ผู้ทำบุญกับวัดในวาระต่างๆตามความเหมาะสม  พระชุดนี้ ณกุศล ขอเรียกอ้างอิงตาม ปี พ.ศ. ที่จัดสร้าง ว่า " พระโพธิญาณ 2542 "

2. พระโพธิญาณ ชุดพิเศษ จำนวนประมาณครึ่งหนึ่งของการจัดสร้าง อ.เทพ ได้นำเข้ารับการอธิษฐานจิตจาก หลวงปู่ทองดำ บรมครูสายณกุศล ยาวนานตลอดไตรมาส พ.ศ.2542 หรือ ค.ศ.1999 หลังจากนั้นได้เก็บรักษาไว้ และนำเข้ารับการอธิษฐานจิตบรรจุสรรพวิชาเพิ่มเติมจากหลวงปู่ทองดำ เป็นระยะๆ ตลอดช่วงเวลาประมาณ 20 ปี จวบจนหลวงปู่ทองดำมรณภาพ กล่าวได้ว่า เป็นพระเครื่องที่สร้างด้วยใจที่ศรัทธาอย่างแท้จริง ไม่ได้สร้างเชิงพุทธพาณิชย์ ใช้เวลาในการทยอยอธิษฐานจิตยาวนานเกือบ 20 ปี เน้นเสกเดี่ยวองค์เดียวล้วนๆแต่เสกหลายครั้งหลายรอบ เฉพาะไตรมาสเดียวก็ต้องมีอย่างน้อย 180 ครั้งขึ้นไป ในช่วงเวลา 20 ปี ถ้าจะกล่าวว่า เสกกันนับพันครั้ง ก็ไม่เกินความจริง ... เป็นพระเครื่องที่บรรจุสรรพวิชาของหลวงปู่ทองดำในช่วงเวลาเกือบตลอดชีวิตของท่าน อย่างครบถ้วนมากที่สุด  รวมระยะเวลาการเสกนานที่สุด และ จำนวนครั้งในการเสกมากที่สุด พระชุดพิเศษนี้ไม่สามารถหาได้จากตลาดพระเครื่องทั่วไป ณกุศล เรียกอ้างอิงตามชื่อของผู้อธิษฐานจิตว่า " พระโพธิญาณ หลวงปู่ทองดำ "

พระเครื่อง 2 ชุดนี้ จะมีความแตกต่างกันในด้านพุทธคุณ เนื่องจากผ่านการเสกอธิษฐานจิตแตกต่างกัน กล่าวคือ ชุดพระโพธิญาณ 2542 ในด้านพุทธคุณ ไม่สามารถนำมาใช้ทดแทน ชุดพระโพธิญาณ หลวงปู่ทองดำได้ 

ในส่วนของการบันทึกนั้น ณกุศลจะเน้นในส่วนของ พระโพธิญาณ หลวงปู่ทองดำ เป็นหลัก เนื่องจากทุกเรื่องราวอยู่ในขอบเขตที่ทางณกุศลสามารถรับรู้ได้

ในส่วนที่ถวายวัดนั้น หลังจากถวายไปแล้ว ทราบว่า พระหมดจากวัดภายในเวลาไม่นาน และ ส่วนมากจะไปอยู่ในต่างประเทศ โดยทางวัดได้รับเงินบริจาคจำนวนมากจากต่างประเทศ ... การที่ณกุศลจะติดตามบันทึกเรื่องราวประสบการณ์ต่างๆของพระชุดนี้ นอกจากความยากลำบากด้วยระยะทางที่ห่างไกลแล้ว ยังไม่เกิดประโยชน์ที่เป็นสาระสำคัญกับทางวัด เพราะที่วัดไม่มีพระเครื่องชุดนี้เหลือแล้ว ดังนั้นณกุศลจะไม่เน้นการบันทึกในส่วนนี้ 

 

 

Pages