ไม่อยากมีองค์เทพต้องทำงัย

มีหมอดูทักว่ามีองค์เทพแต่ฉันไม่อยากมีฉันต้องทำอย่างไรบ้าง ฉันไม่อยากมีเพราะคนในครอบครัวของฉันที่ไม่มีชีวิตประสบผลสำเร็จตลอด ส่วนตัวฉันชีวิตไม่มีการประสบความสำเร็จเลย ฉันคิดว่าฉันไม่มีจะดีซะกว่า ทำไมเทพหน้าจะเลือกคนที่เค้าต้องการองค์เทพดีกว่า

หมอดูหลายๆคน ชอบทักแบบนี้ครับ เป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่ง .. เขากล่าวกันว่า ถ้าทักแบบนี้คนส่วนใหญ่จะชอบ และรู้สึกดี

บางคนรู้สึกว่า การมีองค์เทพ เหมือนตนเองมีความสำคัญกว่าคนปกติธรรมดา ... แต่ความจริง การที่คนเรามีเทวดา มีครูบาอาจารย์ หรือ มีบรรพบุรุษคุ้มครอง ถือว่าเป็นเรื่องปกติครับ

ถ้าไม่อยากมี ก็คงทำไม่ได้หรอกครับ เป็นวาสนาที่ผูกพันกันมา ... เหมือนคนเป็นญาติกัน ก็เป็นห่วงกัน แล้วอยู่ๆจะมาตัดขาดกัน ไม่ใช่เรื่องที่สมควร

แต่มีองค์เทพแล้ว ไม่ได้จำเป็นต้องเป็นคนทรง ไม่จำเป็นต้องรับขันธ์ใดๆ ... ให้เน้นการปฎิบัติธรรม ยิ่งปฎิบัติได้สูงยิ่งดีครับ เทวดาที่คุ้มครองเราก็จะมีบุญบารมีสูงขึ้นตามไปด้วย เป็นการสร้างบารมีร่วมกัน

 

                  เวลาที่เราไปดูหมอดู  หมอดูก็ชอบทักว่าเรามีองค์เทพ.....ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว..เพราะคนเราตั้งแต่ปฏิสนธิขึ้นต่างก็มีเทวดาคุ้มครองตั้งแต่ในครรภ์มารดาอยู่แล้ว.....ก็แล้วแต่บุญกุศลที่เราเคยสร้างเคยทำไว้.....ข้าพเจ้ามองว่ามันเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ๆ   เพราะครั้งหนึ่งข้าพเจ้าก็เคยมีความรู้สึกว่าทำไมต้องเป็นเรา....ทำไม่เราต้องมีองค์เทพในตัวด้วย.....ทำไมไม่เลือกคนที่เค๊าอยากมี....ทำไมต้องเป็นเรา....ร้องให้อยู่นาน..กว่าจะยอมรับได้.......

                 อยากให้คุณเปลื่ยนความคิดเสียใหม่...ทำจิตทำใจให้สงบและเลิกคิดได้แล้วว่า...ทำไม    ทำไม  ต้องเป็นเรา  ทำไมท่านถึงเลือกเรา.....ความจริงแล้วท่านไม่ได้เลือกเราเลย..เราต่างหากที่เลือกท่าน....ให้คำมั่นสัญญากับท่านแต่ชาติที่ผ่านมาก็ไม่แปลกที่องค์เทพทั้งหลายต้องรักษาสัจจะที่มีไว้ระหว่างท่านกับองค์เทพ..........องค์เทพทั้งหลายก็ไม่ได้บังคับให้คุณเป็นร่างทรงไม่ใช่หรือ...องค์เทพทั้งหลายที่ติดตามคุณมาก็ต้องการเตือนสติให้คุณอยู่ในศึลในธรรม  ปฏิบัติธรรมให้บริสุทธิก็เท่านั้น.....และคอยช่วยท่านเวลาท่านปฏิบัติธรรม  และถ้าคุณเผลอตนหลงทางคิดว่าต้องเป็นร่างทรง....ละก็.....เมื่อคุณติดในลาภสักการะแม้เพียงสตางค์แดงเดียว.....ก็หมายถึงคุณกำลังเดินมุ่งหน้าสู่ประตูนรก...ลงไปในกะทะทองแดงที่ร้อนระอุแล้ว.......

                ต่อไปนี้คุณจงสลัดความคิด..ที่ไม่ยอมรับองค์เทพในตัวคุณ.....และมุ่งหน้าปฏิบัติธรรมด้วยใจศรัทธาธรรม.....ไม่มีเทพองค์ใดสูงส่งและยิ่งใหญ่เท่ากับองค์สมเด็จสัมมาพุทธเจ้าอีกแล้วในสากลโลกนี้ .....จงใช้ของดีที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดไปในทางที่เหมาะที่ควร....เพราะถือว่าเป็นก้าวที่มั่นคงที่คุณจะสามารถบรรลุได้ถึงขั้นพระโสดาบัน.......สาธุ.....สาธุ......สาธุ.....รักษาไว้.........

จริงผมยังมีเทพอยู่ตั้งหลายองค์แต่ก็ไม่เป็นไรแถมมีลาภลอยบ่อยมาก

จริงผมยังมีเทพอยู่ตั้งหลายองค์แต่ก็ไม่เป็นไรแถมมีลาภลอยบ่อยมาก

ถูกต้องแล้วครับ การมีองค์เทพ หรือ ครูบาอาจารย์คุ้มครอง ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี หรือเสียหายอะไรเลยครับ

แต่ก่อนตอนแอร์ยังอายุ 15 ปีเข้านอนตายังไม่หลับเห็นแสงระยิบระยับในห้องและผู้หญิงสวยมาก แต่งกายเหมือนนางในวรรณคดี เขาบอกว่าจะมาอยู่ข้างกาย ปกป้องคุ้มครองเรา หลังจากนั้นตอนแอร์เรียนจบ อายุประมาณ 23-24 ปีเกิดเหตุการณ์แปลกๆ และเขาก็มาช่วยทุกครั้ง เช่น แอร์ขับรถจักรยานยนต์จะกลับห้องตอนประมาณ3ทุ่ม มีผู้ชายสองคนขับรถตามและแอร์ได้ยินเสียงผู้หญิงเขาให้มองที่กระจกรถ แอร์เห็นผู้ชายคนนั่งซ้อนถือไม้ยาวมากๆและบอกคนขับว่า "ขับเร็วๆหน่อยสิวะ เดี๋ยวก็มีคนมาเห็นเข้าหรอก" ส่วนผู้หญิงคนนั้งก็กระซิบที่ข้างหูแอร์ และให้ขับไปเลี้ยวซ้าย เขาบอกทางแอร์หมดทั้งๆที่ถนนเส้นนั้นไม่มีซอยเลี้ยวและแอร์ก็รอดจากผู้ชายสองคนนั้น เหตุการณ์ชีวิตของแอร์มีเยอะที่เจอกับสิ่งแบบนี้ ตอนอายุ 25 ปี เจอกับยมบาลเขามาช่วยชีวิต และเข้ากรุงเทพเจอรถแท๊กซี่วางยาหวังทำมิดีมิร้าย แต่แอร์กลับรอด คนขับรถมีผ้าปิดจมูกและเขาเปิดแอร์ในรถหมุนลมมาทางเราเต็มที่ สักพักแอร์ก็หลับ แต่เหมือนมีคนปลุก พอแอร์ตื่นคนขับจอดรถข้างทางตัวสั่นๆ พูดเครือๆบอกว่า รถผมเสียช่วยไปคันอื่นๆได้ไหม พอแอร์ลงจากรถยังไม่ทันจ่ายค่าแท๊กซี่ เขาขับหนีไปอย่างเร็ว รถเสียตรงไหนเนี้ย ....อีกหลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นและปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่ ...แอร์เหมือนกับคุณ คือกลัว แต่แอร์พยายามหาคำตอบกับสิ่งนั้นเรื่อยมา แอร์ไม่ได้เป็นเจ้าเข้าทรง แอร์เป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนคนทั่วไป ...การที่เรามีเทพยดามาปกป้องคุ้มครองเรานั้น ช่างน่ายินดี ที่เขามาอยู่กับเราเพราะอดีตชาติเคยอยู่ร่วมสร้างบุญสร้างกรรมกันมา ด้วยความผูกพันสายสัมพันธ์ไม่อาจขาดจากกันได้ จึงมาเกี่ยวข้องกันในชาตินี้

เรื่องที่ 1 ส่วนมากจะสวดมนต์ตอนเย็น แล้วระหว่างสวดมนต์อยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงเหมือนถุงก๊อบแก๊บดัง พอมองมาที่ถุงก็อยู่ปกติ และก็ได้ยินเสียงเหมือนใครเอาไม้มาตีที่พื้นดังเปี๊ยะดังๆ พอมองมาก็ไม่มีอะไร เราก็ถามเพื่อนที่อยู่ด้วยกันว่าได้ยินมั๊ย เพื่อนบอกว่าไม่ได้ยิน เป็นอย่างนี้ทุกวัน ไม่รู้เป็นเพราะอะไร กลัวจนหลอนแล้วไม่อยากจะอยู่บ้านแล้ว ไปที่อื่นก็ไม่เห็นมี ก็เลยไม่รู้ว่าคืออะไร 

เรื่องที่ 2  ได้กลิ่นเหมือนกลิ่นธูปที่จุดแล้วนะ ได้กลิ่นเฉพาะเวลาอยู่ในบ้าน ครั้งแรก  ๆ ประมาณปีที่แล้วกลิ่นเหม็นมาก   แต่ตอนนี้กลิ่นหอมแล้ว บางครั้งนั่งดูทีวีอยู่ได้กลิ่นธูป จะอยู่ข้าง  ๆ เลยกลิ่นอยู่ใกล้มากติดตัวเราเลย ได้กลิ่นทุกวันเช้า-เย็นเลย ก็เลยไม่รู้ว่าคืออะไร

ไม่รู้ว่าเรื่องที่ 1 และเรื่องที่ 2 คืออย่างเดียวกันหรือเปล่า ถ้าใครรู้ช่วยตอบด้วยค่ะ ด่วน สงสัยมาก ๆ ไม่รู้ว่าคืออะไร

 ...เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ... เมื่อฉันย้ายเข้าพักที่แฟลตอาจารย์ ( ราชมงคล โคราช )... ซึ่งเป็น 3 ชั้น ชั้นล่างสุด..สำหรับจอดรถ ชั้น 2 มี 5 หน่วย ชั้น 3 ก็มี 5 หน่วยเช่นกัน .. ฉันได้อยู่หน่วยริมสุด..ชั้น 3..มี 2 ห้องนอน 1 ห้องโถงใหญ่ และห้องน้ำ... ขณะนั้นบริเวณโดยรอบยังเป็นป่ารก ๆ ... อยู่ติดกับหอพักนักศึกษาเก่า ๆ เรียงกันอยู่หลายตึก และติดกับเขตราชภัฏนครราชสีมา...

.... อยู่ระยะแรก ๆ ก็เหมือนมีฝีเท้าคนเดินอยู่ในบริเวณห้องพัก.. ก็นึกเอาว่าเสียงถุงก๊อบแก็บมันปลิว ... วันไหนนั่งทำงานเพลิน ๆ ก็จะมีเสียงประตุห้อง (ปิดประตูไว้ ) สั่นกระทบกันดังนานเป็นระยะ..ก็นึกเอาเองว่าลมคงจะพัดอัดประตูสั่น บางที่ก็แรงมาก.. 

....อยู่มาได้ไม่ถึงเดือนก็เกิดจะติดตั้งเสาอากาศทีวี (สมัย 20 ปี ก่อนนะยะ) ก็บอกลูกศินย์ 5-6 คนมาช่วยหน่อย..แล้วฉันก็ไปสอน...พอกลับมายังไม่เสร็จ ... ก็นั่งคุยกัน.. เสียงกระแทกกันของประตูก็ดังขึ้น.. คุณลูกศิษย์ทั้งหลายก็ถามยิ้ม ๆ ว่า.. เสียงอะไร.. ฉันก็ตอบว่าลมมันอัดประตู.. คุณลูกศิษย์ก็ตอบยิ้ม ๆ ว่าไม่มีลม .. ให้ดูซิ ..ใบไม้ไม่กระดิกเลย... เออ..จริงว่ะ..ไม่กระดิกเลย.. ไม่มีลมเลย..มันยังสั่นเอา สันไม่หยุด..เลยถามศิษย์ว่าพวกเธอทำอะไรกัน..เขาบอกว่าเขาวิ่งเล่นกันบนหลังคา ( 3 ชั้นนี่นะ)..และเฮอาสนุกสนาน..(งานเลยไม่เสร็จไง)..แล้วก็กลับกันไปบอกว่าพรุ่งนี้จะทำต่อ..

....แล้วฉันจะทำไง..อยูคนเดียวจะค่ำแล้ว ...ก็เลยจุดธูปบอก..ว่าฉันกลัวนะ..อย่ามาให้เห็นนะ.. คืนนั้นก็นอนหลับสบาย..

...เย็นวันต่อมา..คุณลูกศิษย์ก็มาทำงานต่อจนเสร็จ..และรอฉันกลับจากสอน..คราวนี้..กว่าเดิม.. เสียงกระแทกดังมากและดังแทบตลอดเวลา.. คุณลูกศิษย์ยิ้มอย่างมีนัย...บอกว่า...

 .... พวกศิษย์ บอกว่าให้ดันประตูสู้ซิ  พวกผมลองมาแล้ว ..เราก็ลองดันสู้ โว้ยเฮ้ย..มันดันกระแทกกลับมันยอมหยุดเหมือนมีคนแข็งแรงพอกับเราดันประตู้สู้อยู่ข้างในห้อง.. เราก็เปิดประตูห้องดู (ห้องนี้ไม่ได้ใช้นอน แต่เก็บเสื้อผ้าและตำรา ) ..ไม่มีอะไร...พอปิดประตูขณะเราอยู่ในห้องก็ไม่มีอะไร... พอออกจากห้องก็เป็นสั่นดังสนั่นเลย...ถามศิษย์ว่าพวกเธอทำอะไรอีก.. ตอบว่า..แค่ท้ามันเอง.... ว่าแน่จริงมึงก็ออกมาซิ.... เสร็จแล้วพวกลูกศิษย์ก็เดินยิ้มสบายใจกลับไป...

... ก็แล้วฉันอยู่คนเดียวทำไง...ก็เลยเปิดประตูค้างไว้เลยเอาถุงข้าวสารหนัก ๆ กันเอาไว้ไม่ให้กระทบอะไร...แล้วจุดธูปบอก..

.... ถ้าท่านอยู่มาก่อน..ก็อยู่ต่อไป..อย่ามารบกวนกัน..อย่าให้เห็นตัว..กลัวนะ กลัว... และอยากกินอาหารอะไรก็เชิญ ไม่ต้องรอให้บอก..เดี๋ยวลืมบอกจะมีเรื่องอีก.. และถ้าจะอยู่ก็ต้องช่วยกันดูแลบ้าน..ดูแลฉันด้วย.. อย่าทำให้กลัว..หรือเดือดร้อน..เพราะฉันอยู่ไม่ได้.. นายก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน..( ไม่รู้ซินะ มีความรู้สึกว่า.. เขาเป็นผู้ชาย )..

... จากนั้นมาฉันก็ได้ยินเสียงเดินบ่อยมาก แต่ประตูไม่สั่น ( เพราะเอาของหนักกันเอาไว้ ) มีเหตุไม่ดีเหมือนมาบอก.. ทำอะไรไม่ถูกเหมือนมาเตือน.. ไม่อยู่บ้านตอนปิดเทอม..ไม่เคยโดนขโมย ทั้ง ๆ ที่ห้องใกล้ ๆ กันโดน ตึกหอพักแถวนั้นโดน แค่ไปสอนกลับมายังโดน.. แต่ฉันไม่อยู่ไม่เคยโดน .. บ้างครั้งหอบกระเป๋ากลับมาถึงบ้าน..เพื่อนทักว่าไปไหนมาเหรอ..เพื่อนบอกว่าเหมือนมีคนอยู่ในบ้านพัก..นึกว่าฉันอยู่ตลอด..

... บางที่... ผู้ที่เขาอยู่กับเรา...ถ้าบอกเขาดี ๆ.. ตกลงดีๆ... เขาอยู่ดูแลเรานะ... ฉันอยู่ที่นั่นมา ตั้งแต่ ปี 2531 -2542 ..อยู่เหมือนมีเพื่อนคอยดูแล...

ผมว่าจะมีองค์เทพหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอกครับ ทำใจตัวเองให้มีความสุขสงบดีกว่าขยันทำงานอยากได้สิ่งใดให้ทำเอาแต่ก่อนผมชอบสะสมพระเครื่องและวัตถุมงคลต่างๆ

รุ่นรวยพันล้านก็มีแต่ยิ่งบูชามายิ่งหมดเงินไม่รวยสักที เดี๋ยวนี้เลิกแล้วหันมาบูชาเครื่องมือทำมาหากินเช่น จอบ มีด ฯลฯ สิ่งนี้ศักดิ์สิทธิ์จริงยิ่งใช้มันบ่อยๆยิ่งมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย

และอีกอย่างหนึ่งคือนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติชีวิตร่มเย็นไม่ค่อยเดือดร้อนแถมมีสติปัญญาในการแก้ไขปัญหาชีวิตอีกด้วย..ทำความดีไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครถือว่าใช้ได้..

Pages