บ้านติดกับคนทรง ถ้าถูกคุกคาม จะป้องกันตัวอย่างไร

   ข้างบ้านเป็นคนทรง  นิสัยหยาบคาย ลามก..มีพรรคพวกเป็นคนทรงอีกหลายคน  .พึ่งมาขยายสาขาอยู่ข้างบ้านไม่กี่ปีนี้...แต่ไม่มีคนแถวบ้านเขาเชื่อถือ..ก็เลยไม่ค่อยจะมา.  ที่แปลกก็คือช่วงก่อนเข้าพรรษาปีนี้... ไม่รู้เขาทำพิธีเชิญอะไรสักอย่างมาไว้ที่บ้าน...และก็มาสวดมนต์(บทสวดมนต์ ที่ดิฉันไม่คุ้นหู)กันทุกวันและช่วงนี้มาสวดกลางคืน   ไม่เคยนอนค้างที่บ้านกัน  สวดมนต์เสร็จก็กลับไปยังสำนักเดิม............. ทุกวันนี้ผิดใจกันเรื่องแมวเร่ร่อนแม่ลูกอ่อนที่แอบไปอาศัยบ้านเขาอยู่ เขาทารุณด้วยการเอาน้ำฉีดราด เพื่อจะไล่แมว  ต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ  เมื่อแม่แมวปางตายนอนเป็นอัมพาตหนีไม่พ้น ก็มาตามดิฉันที่บ้านมากล่าวหาว่าเป็นแมวที่บ้านดิฉัน... วันนั้น(5 กค. 53)นึกอย่างไรก็ไม่ทราบทั้งที่ก็บอกเขาไปแล้วว่าไม่ใช่แมวเรา.. แต่ก็ตัดสินใจเดินตามไปในบ้านเขา  ก็เห็นสภาพแมวที่ผอม นอนแช่น้ำเปียกโชก กระดิกตัวไม่ได้เลย นอกจากเสียงร้องอย่างหวาดกลัวและนัยตาที่เบิกโพลง   ..โดยที่ลูกมันอายุสักเดือนหนึ่งได้  หมอบระวังตัวอยู่ไม่ไกลเฝ้ามองแม่ท่าทางหิวโหย   ดิฉันก็เลยต่อว่า..และพาไปรักษาที่คลีนิกสัตว์  8 วัน ไปเยี่ยมทุกวัน แมวยังนอนเพียบขยับแขนขาไม่ได้  ด้วยความเป็นห่วงลูกมันที่ยังซ่อนตัวอยู่บ้านนั้น ก็เลยขอเอาแม่แมวมาดูแลป้อนยาเองเพื่อจะเอาแม่เป็นตัวล่อให้ลูกแมวออกมาจากบ้านนั้น  อาการแม่แมวดีขึ้นเรื่อย ๆ และก็เอาลูกแมวมาอยู่กับแม่ได้แล้ว... ผ่านมาจนวันนี้(9สค. 53) แม่แมวเดินได้แล้วค่ะ กำลังขุนให้อ้วน หมอที่รักษาแมวตั้งชื่อให้ว่าน้ำมนต์ ทุกวันนี้ พวกหมอผีเขาเคืองมากเพราะกลัวคนอื่นจะรู้เรื่องที่พวกเขาทารุณแมว ...ก็หาเรื่องกันเรื่อย...ดิฉันเห็นเขาทำพิธีกันวุ่นวาย  ก็กลัวค่ะ ได้แต่สวดมนต์ บทพาหุง และชินบัญชร   แต่ก็ยังกลัว...

           อยากขอคำแนะนำค่ะ

น้องเป็นคนเมตตา กับสรรพสัตว์ น้องไม่ต้องกลัวเราเชื่อกฏแห่งกรรม ใครทำสิ่งใดจะได้อย่างนั้นค่ะ มันจะแพ้ภัยตัวเองค่ะ แผ่เมตตาให้พวกเค้าด้วยค่ะ ผลกรรมจะตามเค้าเร็วขึ้น ส่วนน้องจะไม่เป็นอะไรเลยค่ะ.

 

         ค่อยพิจารณาพวกเขาไป  ก็เริ่มเข้าใจแลวค่ะ  แต่เดิมคงจะมีสำนักที่มีคนเชื่อมากเพราะอยู่ชานเมืองต่างจังหวัด.. ไม่ได้ทำมาหากินอย่างอื่นมีรถราคาแพงขับกันทั้งบ้าน... เมื่อปี 2551 ดิฉันเดินผ่านบ้านเขาค่ะ พอดีคนทรงเจ้าสำนักหัวล้าน นั่งอยู่ ก็เดินมาเรียกดิฉันเข้าไป บอกว่ากำลังทำฟิตเนส เดินพาดูอุปกรณ์นะค่ะ  ก็พาซื่อเดินเข้าไป แต่พอพาเข้าไปในเขตบ้านและผ่านเข้าตัวบ้านที่มิดชิด ก็กลายเป็นห้องพระเล็ก ๆ พอเปิดอีกประตูข้าง ๆทางเข้ามีเตียงนอนแบบนอนเดี่ยว...ชักใจเสียค่ะเพราะลูกศิษย์สาวของเขาเกิดเปิดประตูเข้ามาแล้วก็รีบปิดอย่าง..ตกใจ..เพราะอะไรไม่ทราบ.. แล้วก็มองเห็นที่บูชาสูงเสมอเอวกว้างใหญ่มากมีรูปบูชาทางไสยศาสตร์เต็มไปหมด ใหญ่กว่า สูงกว่า ในห้องพระหลายเท่า ถามดิฉันว่ากลัวไหม.. ( ก็นึกในใจนะคะว่ากลัวและเคารพ..ทั้งเทพ ทั้งอะไรเหล่านี้ แต่ไม่ได้กลัวมัน)..ก็ตอบไปว่ากลัว....เริ่มมองหาทางออกแล้วค่ะ ทำทีเป็นเฉยเข้าไว้ เพราะมันติดกับบ้านดิฉัน  ถ้ามีอะไรสู้ตาย ติดกับรั้วบ้านด้วย...ถ้าไม่ถึงคราวคนในบ้านดิฉันคงช่วยทัน....แล้วพยายามเลี่ยงเดินออกจากตัวบ้าน....ออกมาสู่ลานหน้าบ้านที่มีหลังคา..มันก็รีบเอาโทรศัพท์มาส่งให้  แล้วก็มีเสียงผู้หญิงคุยชักจูงอวดสรรพคุณคนหัวล้านนี้มากมาย ขนาดขาหักบิดออกมา เป่าพรวดเดียวหาย..ดิฉันก็มองทางออกอย่างเดียวอยู่ห่างไปแค่ 3 เมตรจะวิ่งออกตอนไหนดี..อยู่ที่โล่งแล้วค่ะ..พอดิฉันอ้างธุระขอตัว..คนหัวล้านก็รีบตะโกนตามเลยค่ะ.. ว่าผัวคุณ ผมจะทำให้มีเมียน้อยกี่คนก็ได้....นับจากนั้นมาดิฉันไม่เคยคบคนบ้านนี้อีกเลย...เมื่อเดินไปริมรั้วเพื่อตากผ้า ก็จะได้ยินคำพุดหยาบคายคุยอวดอ้างสรรพคุณในฝีมือการร่วมเพศมีความสามารถนานเท่าผู้ชาย 8 คน...มีครั้งหนึ่งที่พูดลอย ๆ ว่า .อ??.คุณนายหน้าหมวยมันต้องมาให้...เย...??  จนได้เพราะมันท่องคาถานี้ทุกวัน  ว่าแล้วมันก็ท่องคาถาเป่าพรวดมาค่ะ...ช่วงนั้นประมาณปลายปี 2551 นะคะ

          โชคบังเอิญได้ยันต์ จากพิธีล้างป่าช้า ช่วงเวลากินเจ ปี 51 ได้มาเยอะเลย ก็เอาปิดไว้รอบบ้านน่ะค่ะ   ...นับจากนั้นดิฉันก็เริ่มพวกเขาก็เลิกทำพิธีอะไรก็ไม่รู้ ( มีการบอกว่า..เอ้ามาดู.มาดูกัน ..พ่อแม่ที่ตายไปแล้วใครอยากเห็นมาดูในอ่างนี้...โถ..มันเอาวิญญานพ่อแม่ของลูกศิษย์ มาลอยคอในอ่าง)...  ดิฉันสบายหูสบายใจไปนานเกือบสองปี ..เหมือนเขาหมดทางหากิน ต้องกลับไปสำนักเดิมลูกศิษย์ใหม่ก็หาไม่ได้ ลูกศิษย์เก่าก็หายหน้า....แหล่งทรัพย์เริ่มจางลง แต่ที่โกยไว้คงเหลือมากอยู่

            ก่อนเข้าพรรษาปีนี้ พวกเขาเริ่มกลับมาบ่อย หยาบคายเหมือนเดิม เอะอะ เหมือนเดิม คนหัวล้านก็กินเหล้า มีลูกศิษยสาวบ้างแก่บ้างคอยบริการ  ก่อนเข้าพรรษา 3 วัน โวยวายเหมือนเดิม ไม่กินเหล้า หยาบคายเหมือนเดิม  แล้วก็สวดมนต์ ทุกวัน ไม่เป็นเวลานะคะ  แต่วันหนึ่งสวดครั้งเดียว

                    คราวนี้มาพูดถึงความไม่ดีในตัวดิฉันบ้าง... มีความโกรธเหมือนคนอื่นน่ะค่ะ ..ไม่แค้น..แต่ไม่ให้อภัย ใจร้อนโต้ตอบทันควัน.......พยายามแก้นิสัยตัวเองมานนาน...ไม่หายซะที...แย่จริง ๆ ตอนนี้ดิฉันโดนกรรมลงโทษแล้วค่ะทุกครั้งที่โกรธ ความดันจะขึ้น เลยต้องทำใจเย็น ( ปกติไม่เป็นโรคความดันนะคะ เพิ่งเป็นตอนพวกนี้กลับมาอาละวาด)...

                    นินทาพวกเขาต่อค่ะ..พอเขาสวดมนต์เสร็จเขาก็เริ่ม ด่าว่า เหม็นแมวบ้าง  หยอกล้อกัน กรีด ๆ ๆ ก๊าก ๆๆ กันบ้าง  ส่วนคนห้วล้านก็บอกว่า แด....ก..ข้าวไม่ลงบ้าง... ( บ้านดิฉันเนื้อที่ 1 ไร่นะคะ  ตัวบ้านอยู๋อีกฝั่งหนึ่ง  แต่มีตึกใหญ่อีกตึกหนึ่งสร้างเอาไว้ เป็นเรือนเก็บหนังสือ ทั่งตำราเรียน หนังสืองานศพ ธรรมมะ วารสาร  สารคดี  ขวางอยู่ริมรั้วด้านเขา เสียงยังดังลั่นมาฝั่งนี้ชัด ๆ เลย มากัน 2-3 คน แต่เสียงยังกับมาทั้งหมู่บ้านแน่ะ)

                    ความปากเสียของดิฉันก็เอาไม่อยู่อัดพวกเขาไปว่า " เห็นคนอื่นสวดมนต์กันแล้วพวกเขามีแต่ ปิติบูญ อิ่มบุญ สำรวม น่าศรัทธา... แต่พวกเมิงสวดมนต์เสร็จแล้ว ทำยังกะเปรตเข้า.. เมิงจะสร้างภาพเพื่อทำมาหากิน ทำให้มันแนบเนียนหน่อย  "

                    เอาเข้าแล้วค่ะ  ทำเขาเข้าแล้ว  ....จะฝึกอย่างไรดีจะได้ใจเย็นกับเขาซะที..........ตอนนี้ดิฉันพยายามจะไม่ไปฟังพวกเขาแล้วค่ะ ..เดี๋ยวจะเล่าต่อนะคะ  ว่าเพราะอะไร

              คืน วันหนึ่งระหว่างพยายามมองหาปรากฎการณ์ ดาวล้อมเดือน ก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ อยากรู้สวดอะไร พยายามฟังและจำ  ถึงแม้ดิฉันจะไม่ได้สวดมนต์บ่อย แต่เข้าใจว่ามนต์บทนั้นสรรเสริญพระรัตนตรัย เอ่ยถึงองค์สวลี สวดไม่ยาวแต่ซ้ำไปมา.. สำนึกนั้นบอกดิฉันว่า..สวนที่เราไม่ชอบพวกเขาคืออะไรก็ช่างเถิด.. แต่ส่วนที่สวดมนต์นี้ดีแล้ว ชอบแล้ว  คิดได้แค่นั้นกลิ่นธูปก็ลอยมาเข้าจมูกอย่างแรงเลย ดิฉันก็กล่าวออกมาว่าหากดิฉันทำอะไรเป็นการลบหลู่ท่านเจ้าที่เจ้าทางเทวดาทั้งหลาย ดิฉันก็ขอขมาด้วย...ชั่วอึดใจเดียว.ปรากฎว่าเริ่มขนลุกจากบริเวณกลางศรีษะไล่ลงไปตามแนวศรีษะตลอดใบหูทั้งสองข้าง เรือยไปจนถึงไหล่ทั้งสองข้าง.....  ( เป็นบ่อยค่ะอาการนี้ ถ้าไปตาม วัดโบราญ ที่หนักหน่อย ก็ตอนไปวัดเขาสมอคอนลพบุรี นอกจากรู้สึกวูบแล้วยังมีกลิ่นหอมประหลาด หอมมาก ตามจากวัดถึงบ้าน ได้กลิ่นอยู่คนเดียวในรถอีกสี่คนไม่มีใครได้กลิ่นเลย)..ต่อนะคะ  อารมณ์ขณะที่รู้สึกวูบวาบนั้นกลับอบอุ่นใจและเป็นสุขอย่างประหลาด..ก็เลยพนมมือขึ้นแล้วพูดว่า  ในส่วนที่พวกเขาทำดีนั้นดิฉันขออนุโมทนา.......ตอนนี้ก็ค้นจาก internet  และคำสวดที่จำได้ รู้แล้วค่ะว่าเขาสวดอะไร  เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะตั้งใจเข้าถึงธรรมะหรือหวังรวยจากคาถาของหลวงปู่ ก็ยังไม่เห็นพวกเขาศีลห้าจะบริสุทธิเลย ยังพูดหยาบบ้าง ขู่จะเอามือปืนต่างจังหวัดมาบ้าง...ก็ช่างเขาเถิดค่ะ  ส่วนที่เขาทำดีดิฉนก็ขออนุโมทนา  แต่ส่วนที่หยาบคายเอะอะ คุกคาม ก็พยายามห้ามใจตัวเองอยู่ค่ะกลัวความดันขึ้น

        โดนแล้วค่ะ ดิฉันโดนของแล้วค่ะ    เจ็บนะคะแต่ไม่เจ็บมากหรอกค่ะ   กลัวไม๊คะตอนนี้ไม่กลัวหรอกค่ะ  แต่ต่อไปไม่แน่...กำลังรอดูอยู่ว่าจะมาแรงกว่านี้อีกไม๊....

 

              เมื่อ 12 ปีก่อน ดิฉันเคยโดนกระทำวิชาเดี่ยวกันนี้มาแล้ว ครั้งนั้นเจ็บปวดมาก 3 เดือนแรกเจ็บจนน้ำตาร่วง ทุกครั้งที่โดนกระทำเหมือนโดนแทงตามตำแหน่งต่าง ๆ บนร่างกาย ปวดถึงกระดูก  3 เดือนแรกเจ็บจนน้ำตาร่วง.. แต่คราวนั้นไม่ใช่เพราะปากเสีย แต่เพราะดิฉันต้องสอนหนังสืออยู่โคราช หากแต่มีหน้าที่ตามตำแหน่งของสามีที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งที่ลพบุรี จึงมอบหมายสตรีผู้หนึ่งให้ดูแลแทน 3 ปีผ่านไป เมื่อขณะที่ดิฉันวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์ ในวาระ 100 ปี จอมพล ป. พิบูลสงคราม มันก็แว็บขึ้นมาถึงความไม่ชอบมาพากลค่ะ แค่เริ่มถามไถ่ข้อมูล ก็โดนแล้ว นอนอยู่โคราชพอดับไฟ ก็มีเงามืดโถมเข้ามา สู้ค่ะ ไม่ต้องนอนกันละ แล้วก็เริ่มเจ็บปวด..... ครั้งนั้นรอดตายจากสายหลวงปู่ปาน  ตั้งแต่บารมีหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงตาบุญศรี แม่ชีประทุม  อีกทั้งบารมีหลวงปูโต หลวงปู่เดิมวัดหนองโพ หลวงปู่ทวด ....และที่ไม่บังอาจกล่าวอ้างถึง... กินน้ำมนต์ชาตรีแทนน้ำ..มากกว่า 3 ปี..ค่อยห่างหาย คิดถึงยายนั่นเมื่อไร ก็รู้สึกว่าเขายังทำอยู่ เพราะเป็นร่างทรงอ้างว่าองค์พระลักษมี พี่ชายเป็นร่างทรงอ้างว่าเจ้าพ่อพระกาฬ และเพื่อนผู้หญิงอีกคนอ้างว่าท่านปู่สวรรค์อะไรนี่แหละ  3 คนรุมกันจะเอาถึงตาย...  เดี๋ยวนี้ก็แกล้งทำเป็นลืม ๆ เสีย หมดกรรมกันไป อโหสิ

            คราวนี้โดนอีก มาแบบเดียวกันเลยขาดแต่ไอ้เงามืด ๆ ไม่ยักกะมี  สงสัยเพราะสวมสร้อย รูปของท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระมันเลยไม่กล้าโถมเข้ามา  อาการขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นเจ็บ  แค่รู้สึกหน่วง ๆ เท่านั้น เริ่มรู้สึกตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 53  กำลังรอดูอยู่ว่าจะหนักขึ้นมากน้อยอย่างไร   ก็แปลกนะไม่ยักจะรู้สึกโกรธพวกเขา   ได้แต่ขำ ๆ โดนอีกแลวรึนี่... กลัวก็กลัวอยู่  แต่เราก็มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะอยู่แล้ว ..ยังไงก็ยิ้มสู้...

           ข้อที่ดิฉันอยากถามผู้มีความรู้ทางคุณไสยก็คือ  ไอ้ที่ดิฉันโดนน่ะ มันคืออะไร  ศาสตร์ทางด้านไหน  ดิฉันอยากรู้ก็เพี่ยงเพราะความอยากจะรู้เท่านั้น  ไม่เคยคิดจะไปเรียนหรือฝึกฝนหรือคิดจะตอบโต้ให้มันเป็นกรรมผูกพันเลย    ถ้าจะเมตตาบอกให้รู้ก็ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

SwEEtGarM's picture

แถวบ้านของผมก็มีครับ ถัดจากบ้านผมไป 1 บ้าน คนขึ้นที่นี่เยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและกระเทยกลางคืน แต่ผมไม่เคยโดนนิทาแม้แต่น้อยเลย (แต่หลังอื่น ๆ โดนหมด) อาจจะเป็นเพราะผมยิงปืนที่บ้านบ่อย เวลาลองปืนก็ลองที่บ้าน ได้มาใหม่ หรือซื้อขายก็ลองกันหลายแม๊ก หลายโม่ (หากมีเงินซื้อน่ะครับ..ช่วงนี้ไม่ไหว) แนะนำว่า ให้ซื้อปืนมายิงเล่นในบ้านครับ อย่าไปต่อล้อต่อเถียง หุหุหุ

Pages