รอบโลกภัยพิบัติ
Posted By webmaster On Tuesday, 4 December 2007
บ้านแต่ละหลังสร้างด้วยไม้และอะลูมิเนี่ยมน้ำหนักเบา
“Architectural Warming”
ดัตช์ตื่นตัวสร้างบ้านลอยน้ำ รับมือภาวะโลกร้อน-หนีน้ำท่วม
ดัตช์ตื่นตัวสร้างบ้านลอยน้ำ รับมือภาวะโลกร้อน-หนีน้ำท่วม
บ้านแต่ละหลังสร้างด้วยไม้และอะลูมิเนี่ยมน้ำหนักเบา
ในอนาคตโลกเราอาจจะมีการสร้างบ้านลอยน้ำไว้เพื่อรับมือกับอุทกภัย
โพสต์เมื่อ: 11:33 วันที่ 1 ก.ย. 2550
แนวคิดในการสร้างบ้านแบบที่ว่านี้ เกิดขึ้นมาจากเหตุการณ์น้ำท่วมโลกเมื่อ 4,000 ปีก่อนที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิล และชายคนหนึ่งชื่อโนอาก็สามารถรอดชีวิตได้ เนื่องจากเขาได้ต่อเรือไว้รับมือกับเหตุการณ์นี้ และใช้ชีวิตอยู่อาศัยบนเรือลำนี้เป็นระยะเวลานานจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ ซึ่งก็เหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ประจวบเหมาะกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับโลกเราในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อน แผ่นดินไหว ซึนามิ และอุทกภัยอย่างรุนแรง
อย่างที่เห็นล่าสุดก็คือ เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปีของประเทศอังกฤษ ที่ส่งผลให้ประชากรกว่า 30,000 คนไร้ที่อยู่อาศัย และทำให้บริษัทประกันภัยต่างๆ ต้องจ่ายค่าชดเชยไปกว่า 6 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ฝนตกหนัก โคลนถล่มที่ประเทศอินเดีย เนปาล และบังกลาเทศที่คร่าชีวิตผู้คนและทำให้คนไร้ที่อยู่เป็นจำนวนมาก
ที่สำคัญได้มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านได้ทำนายไปในทิศทางเดียวกันว่า ในอนาคตข้างหน้านี้ โลกของเรานั้นจะมีปริมาณน้ำที่มากขึ้น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมบริเวณที่อยู่อาศัยของคนเป็นบริเวณกว้าง จึงทำให้มีคนเกิดแนวคิดที่จะสร้างบ้านที่สามารถลอยตัวบนน้ำได้ เพื่อรองรับกับเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น
แนวคิดการสร้างบ้านแบบใหม่นี้จะต่างจากบ้านแบบธรรมดาตรงที่การออกแบบและวัสดุที่ใช้จะค่อนข้างยืดหยุ่นและลอยตัวได้เมื่อน้ำท่วมหรือน้ำทะเลหนุนขึ้นสูงถึง 5 เมตร ซึ่งบริษัทที่คิดค้นได้มีการพัฒนาแบบบ้านมาสองแบบ โดยแบบแรกคือบ้านที่ปกติก็ลอยตัวอยู่บนน้ำเลยเหมือนเรือ และแบบที่สองที่ในสภาวะปกติก็ทรงตัวบนผืนแผ่นดินธรรมดาเหมือนทั่วๆไป แต่ถ้าเกิดกรณีน้ำท่วมขึ้นมา ตัวบ้านก็จะสามารถลอยตัวขึ้นเหนือน้ำเหมือนเรือ
ซึ่งวัสดุที่ใช้ในการสร้างจะใช้กล่องคอนกรีตสี่เหลี่ยมกลวงมาทำเป็นฐาน เพื่อทำให้บ้านลอยตัวได้บนน้ำ และใช้เสาเหล็กกล้าเป็นโครงสร้างหลักและเสริมความมั่นคงของตัวบ้าน ส่วนของสาธารณูปโภค เช่น น้ำและไฟนั้นจะมีการส่งผ่านท่อที่มีความแข็งแรงและยืดหยุ่นมากต่อกระแสน้ำที่จะมาปะทะอีกด้วย
และในส่วนที่เหลือต่างๆไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ภายในบ้าน หรือแบบบ้านนั้นก็คล้ายกับบ้านปกติโดยทั่วไป เช่น ต้องการที่จะมีระเบียงบ้านยื่นออกไป หรือต้องการติดบานพับหน้าต่างและทาสีต่างๆ
ซึ่งบ้านแบบใหม่ที่ว่านี้นอกจากจะออกแบบและสร้างไว้เพื่อรับมือกับน้ำท่วมแล้ว บ้านแบบนี้ก็ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
โดยแนวคิดนี้ ได้ใช้เวลาในการพัฒนาและค้นคว้ามากว่าสามปีโดยบริษัททางวิศวกรรมสถาปัตยกรรมชั้นนำในประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ชื่อว่า Dutch architectural form Factor Architecten ซึ่งโครงการนี้เกิดขึ้นมาจากว่าที่ประเทศเนเธอร์แลนด์นั้น พื้นที่ครึ่งหนึ่งของประเทศมีระดับอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล จึ่งทำให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมอยู่เสมอ ทางบริษัทจึงคืดหาทางแก้ไข ซึ่งทางแก้นี้ดูเหมือนว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับประชากรในประเทศ และทั่วโลกอีกด้วย
โพสต์เมื่อ: 11:33 วันที่ 1 ก.ย. 2550
แนวคิดในการสร้างบ้านแบบที่ว่านี้ เกิดขึ้นมาจากเหตุการณ์น้ำท่วมโลกเมื่อ 4,000 ปีก่อนที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิล และชายคนหนึ่งชื่อโนอาก็สามารถรอดชีวิตได้ เนื่องจากเขาได้ต่อเรือไว้รับมือกับเหตุการณ์นี้ และใช้ชีวิตอยู่อาศัยบนเรือลำนี้เป็นระยะเวลานานจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ ซึ่งก็เหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ประจวบเหมาะกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับโลกเราในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อน แผ่นดินไหว ซึนามิ และอุทกภัยอย่างรุนแรง
อย่างที่เห็นล่าสุดก็คือ เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปีของประเทศอังกฤษ ที่ส่งผลให้ประชากรกว่า 30,000 คนไร้ที่อยู่อาศัย และทำให้บริษัทประกันภัยต่างๆ ต้องจ่ายค่าชดเชยไปกว่า 6 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ฝนตกหนัก โคลนถล่มที่ประเทศอินเดีย เนปาล และบังกลาเทศที่คร่าชีวิตผู้คนและทำให้คนไร้ที่อยู่เป็นจำนวนมาก
ที่สำคัญได้มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านได้ทำนายไปในทิศทางเดียวกันว่า ในอนาคตข้างหน้านี้ โลกของเรานั้นจะมีปริมาณน้ำที่มากขึ้น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมบริเวณที่อยู่อาศัยของคนเป็นบริเวณกว้าง จึงทำให้มีคนเกิดแนวคิดที่จะสร้างบ้านที่สามารถลอยตัวบนน้ำได้ เพื่อรองรับกับเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น
แนวคิดการสร้างบ้านแบบใหม่นี้จะต่างจากบ้านแบบธรรมดาตรงที่การออกแบบและวัสดุที่ใช้จะค่อนข้างยืดหยุ่นและลอยตัวได้เมื่อน้ำท่วมหรือน้ำทะเลหนุนขึ้นสูงถึง 5 เมตร ซึ่งบริษัทที่คิดค้นได้มีการพัฒนาแบบบ้านมาสองแบบ โดยแบบแรกคือบ้านที่ปกติก็ลอยตัวอยู่บนน้ำเลยเหมือนเรือ และแบบที่สองที่ในสภาวะปกติก็ทรงตัวบนผืนแผ่นดินธรรมดาเหมือนทั่วๆไป แต่ถ้าเกิดกรณีน้ำท่วมขึ้นมา ตัวบ้านก็จะสามารถลอยตัวขึ้นเหนือน้ำเหมือนเรือ
ซึ่งวัสดุที่ใช้ในการสร้างจะใช้กล่องคอนกรีตสี่เหลี่ยมกลวงมาทำเป็นฐาน เพื่อทำให้บ้านลอยตัวได้บนน้ำ และใช้เสาเหล็กกล้าเป็นโครงสร้างหลักและเสริมความมั่นคงของตัวบ้าน ส่วนของสาธารณูปโภค เช่น น้ำและไฟนั้นจะมีการส่งผ่านท่อที่มีความแข็งแรงและยืดหยุ่นมากต่อกระแสน้ำที่จะมาปะทะอีกด้วย
และในส่วนที่เหลือต่างๆไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ภายในบ้าน หรือแบบบ้านนั้นก็คล้ายกับบ้านปกติโดยทั่วไป เช่น ต้องการที่จะมีระเบียงบ้านยื่นออกไป หรือต้องการติดบานพับหน้าต่างและทาสีต่างๆ
ซึ่งบ้านแบบใหม่ที่ว่านี้นอกจากจะออกแบบและสร้างไว้เพื่อรับมือกับน้ำท่วมแล้ว บ้านแบบนี้ก็ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
โดยแนวคิดนี้ ได้ใช้เวลาในการพัฒนาและค้นคว้ามากว่าสามปีโดยบริษัททางวิศวกรรมสถาปัตยกรรมชั้นนำในประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ชื่อว่า Dutch architectural form Factor Architecten ซึ่งโครงการนี้เกิดขึ้นมาจากว่าที่ประเทศเนเธอร์แลนด์นั้น พื้นที่ครึ่งหนึ่งของประเทศมีระดับอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล จึ่งทำให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมอยู่เสมอ ทางบริษัทจึงคืดหาทางแก้ไข ซึ่งทางแก้นี้ดูเหมือนว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับประชากรในประเทศ และทั่วโลกอีกด้วย
บทความ:
ข้อคิดเห็น
webmaster
พ, 05/12/2007 - 10:39
Permalink
ภัยธรรมชาติสูงขึ้น4เท่า
"อ็อกซ์แฟม" ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลของอังกฤษ เปิดเผยการศึกษาถึงภัยธรรมชาติว่า ปัจจุบันโลกเกิดภัยธรรมชาติมากกว่า 20 ปีก่อนถึง 4 เท่า ทั้งนี้ สาเหตุส่วนใหญ่มาจากภาวะโลกร้อน และประชาชนจากประเทศยากจนเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุด
นางบาบร่า สต็อกกิ้ง ผู้บริหารของอ็อกซ์แฟมเปิดเผยว่า เมื่อ 20 ปีก่อน มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นในโลกปีละประมาณ 120 ครั้ง แต่เดี๋ยวนี้เพิ่มเป็น 500 ครั้ง อย่างในปีนี้ มีน้ำท่วมหนักในเอเชียใต้ ไปจนถึงแอฟริกาและเม็กซิโก สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน 250 ล้านคน ซึ่งโลกจะต้องเตรียมพร้อมในการรับมือหายนะทางธรรมชาติ ด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยเร็ว ทั่วถึง รวมทั้งลดความเสี่ยงในการเกิดหายนะ มิฉะนั้นแล้วจะเป็นอันตรายต่อการพัฒนามนุษย์
นางสต็อกกิ้งเปิดเผยด้วยว่า ค.ศ.1985-1994 มีผู้ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ 174 ล้านคน แต่ระหว่างค.ศ.1995-2004 เพิ่มเป็น 254 คน มีผู้เดือดร้อนเพิ่มถึง 70% และเมื่อค.ศ.1980 มีภัยธรรมชาติจากน้ำท่วมและพายุ 60 ครั้ง ปีที่แล้วมี 240 ครั้ง ส่วนอัตราการเกิดของแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
webmaster
พ, 12/12/2007 - 23:08
Permalink
สาหร่ายทะเล อาจเป็นอาวุธที่ต่อสู้โลกร้อนได้
webmaster
ส, 12/01/2008 - 13:23
Permalink
หิมะตกที่แบกแดด
เหตุหิมะตกที่นานๆจะมีสักครั้ง ยังปรากฎในแถบตะวันตกและตอนกลางของอิรักด้วย ท่ามกลางความหนาวเย็นของอากาศที่อุณหภูมิลดต่ำลงเหลือเพียง 0 องศาเซลเซียสและอาจลดต่ำกว่านี้ เจ้าหน้าที่ระบุ
หิมะในแบกแดด เริ่มตกลงมาเมื่อตั้งแต่ช่วงรุ่งสางของเช้าวันศุกร์ ก่อนจะหยุดเมื่อตอนหลัง 9 โมงเช้าไปแล้ว ขณะที่มันหลอมละลายหลังตกลงสู่พื้น ชาวบ้านรายหนึ่งบอก
"หิมะตกในแบกแดด นับเป็นครั้งแรกในรอบราวหนึ่งร้อยปี อันเนื่องมาจากอากาศ 2 สภาวะไหลมาบรรจบกัน" แถลงการณ์กรมอุตุนิยมวิทยาเผย "สภาวะแรกคือเย็นและแห้ง ส่วนสภาวะที่สองคืออุ่นและชื้น ทั้งสองมาบรรจบกันเหนืออิรัก"
ผู้อำนวยการของกรมอุตุนิยมวิทยาของอิรักให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่าเหตุการณ์ที่ผิดปกติมีความเป็นไปได้เป็นผลสืบเนื่องมาจากสภาวะโลกร้อน
"นานๆถึงจะมีสักครั้ง ในความทรงจำของช่วงชีวิตหนึ่งไม่เคยเห็นหิมะตกมาก่อนเลยในแบกแดด" เขากล่าว "หิมะตกครั้งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสภาวะโลกร้อนซึ่งกำลังเกิดขึ้นกับทุกที่" ทั้งนี้มีรายงานว่าหิมะได้ตกลงมาแถบภูเขาเคอร์ดิช ทางตอนเหนือของประเทศเช่นกัน แต่บริเวณดังกล่าวหิมะตกเป็นปกติอยู่แล้ว
ขวัญชัย สุพล
ศ, 18/01/2008 - 19:28
Permalink
ประหลาดดี
webmaster
พ, 23/01/2008 - 21:03
Permalink
ความผันแปรธรรมชาติ
จันทอง จันกวด
พฤ, 24/03/2011 - 12:54
Permalink
Re: รอบโลกภัยพิบัติ
ขอบคุณมากสำหรับการแจ้งข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์ต่อผู้คนในยุคปัจจุบันนี้