ความอัศจรรย์ของพุทธศาสตร์

ความอัศจรรย์ของพุทธศาสตร์

วิชาพุทธศาสตร์ มีความอัศจรรย์ และค้นพบข้อมูลความเป็นจริงของธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตมาก่อนวิทยาศาสตร์เป็นเวลานานหลายพันปี ดังเช่น พระพุทธเจ้าได้เคยอธิบายเกี่ยวกับ ขนาดของอะตอม และ การปฏิสนธิของมนุษย์ได้ถูกต้องตามหลักที่วิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบไม่นานมานี้

โมเลกุล

พระพุทธเจ้าทรงอธิบายเรื่องของ ปรมาณูไว้ ว่ามีขนาดเล็กแค่ไหนและไม่สามารถแบ่งต่อไปได้  ซึ่งทางวิทยาศาสตร์เรียกสิ่งที่เล็กมากโดยไม่สามารถแบ่งต่อไปได้ว่า อะตอม (  อะตอม ATOM  มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกโบราณ ที่แปลว่า แยกย่อยต่อไปไม่ได้ หรือหน่วยที่เล็กที่สุด )

พระพุทธเจ้าได้ทรงกล่าวเทียบเรื่องขนาดของปรมาณูไว้ว่า
1 ธัญญามาตร (ขนาดเล็กของเมล็ดข้าว)ประกอบด้วย 7 อูกา ( ศรีษะของตัวเล็น )
1 อูกา ประกอบด้วย 7 สิกขา (รอยขีดเล็กๆ)
1 สิกขาประกอบด้วย 37 รถเรณู (ละอองเกสรดอกไม้)
1 รถเรณู ประกอบด้วย 36 ตัชชารี (ละอองรังสีในแสงแดด)
1 ตัชชารี ประกอบด้วย 36 อนู (อนุภาคขนาดเล็ก)
1 อณู ประกอบด้วย 36 ปรมาณู
1 ปรมาณู แบ่งแยกไม่ได้อีก เพราะหากแยกต่อไปจะหมดสภาพของสารนั้น

ความ อัศจรรย์ที่นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ค้นพบคือ เมื่อนำขนาดของปรมาณูมาคำนวณแล้วจะพบว่าความยาวของปรมาณูตามหลักพุทธศาสตร์ จะเท่ากับ 1 ส่วน 100 ล้านเซนติเมตร ซึ่งเท่ากับเส้นผ่าศูนย์กลางของอะตอมตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างน่าอัศจรรย์ แสดงให้เห็นว่า พระพุทธเจ้าท่านทรงค้นพบอะตอมที่มีขนาดเล็กสุดก่อนนักวิทยาศาสตร์มาเป็นเวลา นานหลายพันปี

พระพุทธเจ้าได้ทรงกล่าวถึงการกำเนิดของมนุษย์

พระพุทธเจ้าได้ทรงกล่าวถึงการกำเนิดของมนุษย์ ไว้ว่า

  • ในสัปดาห์แรกแห่งการปฏิสนธินั้น เกิดเป็น กลลรูป คือเป็นหยาดน้ำใสเหมือนน้ำมันงา
  • ในสัปดาห์ที่ 1 หลักจาก กลละรูป ได้เกิดเป็น อัพพุทรูป ขึ้น มีลักษณะเป็นฟอง สีเหมือนน้ำล้างเนื้อ
  • ในสัปดาห์ที่ 3 หลักจาก อัพพุทรูป ก็ได้เกิดเป็น เปสิรูป ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนมีสัณฐานเหมือนไข่ไก่
  • ในสัปดาห์ที่ 5 หลักจาก ฆนรูป จึงได้เกิด ปัญจสาขา คือ รูปนั้นงอกออกเป็น 5 ปุ่ม คือ เป็นศีรษะ 1 , มือ 2 , เท้า 2 
  • ในระหว่างสัปดาห์ที่ 12 ถึงสัปดาห์ที่ 42 ผม ขน เล็บ ก็ปรากฏขึ้น
  • ความอัศจรรย์ คือ สิ่งต่างๆเหล่านี้ตรงกับสิ่งที่การแพทย์สมัยใหม่ได้ค้นพบไม่นานมานี้ แต่พระพุทธเจ้าท่านทรงทราบมาก่อนเป็นเวลาหลายพันปี โดยสมัยนั้นไม่มีเครื่องมือสมัยใหม่ เช่น เครื่องอุล ตร้าซาวนด์ (The ultrasound scan) เพื่อใช้ในการตรวจสอบแต่อย่างใด

เราจะพบว่า วิชาพุทธศาสตร์ มีความล้ำหน้าในการไขปริศนาธรรมชาติ ความมหัศจรรย์ในร่างกายมนุษย์ ตลอดจนสามารถเจาะลึกลงในรายละเอียดขนาดเล็กระดับอะตอมได้  ดังนั้นการเจาะลึกระดับ DNA ของการเรียงลำดับธาตุเฉพาะตัวของมนุษย์ หรือ โมเลกุลพลังงานธาตุของมนุษย์แต่ละคน จึงเป็นสิ่งที่วิชาพุทธศาสตร์สามารถ ไขปริศนารหัสลับได้เช่นกัน และวิชาพุทธศาสตร์ที่เป็นกุญแจไขปริศนาความลับนี้คือ วิชาดวงธาตุณกุศล หรือ โมเลกุลธาตุปรับดวงชะตานั่นเอง

สำหรับท่านที่สนใจ ร่วมสนทนา สอบถาม เล่าประสบการณ์ ขอเชิญที่กระทู้สนทนา http://www.nakusol.com/node/387