การจัดลำดับ ความหายาก พระโพธิญาณ 2542

พระโพธิญาณ หลวงปู่ทองดำบรมครู

การจัดลำดับ ความหายาก ของ พระโพธิญาณ 2542

หากกล่าวถึง ความหายากของ พระโพธิญาณ รุ่นปี พ.ศ.2542 นี้ กล่าวได้ว่า ทุกแบบทุกเนื้อนั้นล้วนหาได้ยาก และโดยภาพรวมแล้ว พระเนื้อโลหะ จะหายากกว่า พระเนื้อผง เนื่องจากจำนวนการสร้างน้อยกว่าเนื้อผง

ปัจจัยหลักที่ทำให้พระรุ่นนี้หายาก เนื่องจาก ส่วนมากจะอยู่ในต่างประเทศ เช่น ประเทศมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา เรื่องนี้ณกุศลเห็นด้วยตาตนเอง กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สุดจำนวนหลายใบ บรรจุพระโพธิญาณเต็มกระเป๋า ส่งไปพร้อมกับผู้เดินทางไปต่างประเทศ มีการทยอยส่งไปต่างประเทศหลายครั้งเป็นระยะๆ โดยท่านเจ้าอาวาสได้นำปัจจัยทำบุญทั้งหมดกลับมาพัฒนาวัดหนองเลาจนมีความเจริญรุ่งเรือง พระรุ่น2542นี้จึงหมดจากวัดหนองเลาในเวลารวดเร็ว และไม่ค่อยพบพระเครื่องรุ่นนี้หมุนเวียนในตลาดขายพระเครื่องของคนท้องถิ่นเหมือนรุ่นอื่นๆ

การเรียงลำดับ พระรุ่นนี้ที่มี จำนวนการสร้างน้อย และ หายาก ตามลำดับ ได้แก่

หายาก ลำดับที่ 1.  พระกริ่ง เนื้อทองคำ จำนวนสร้าง 3 องค์

หายาก ลำดับที่ 2.  พระกริ่ง เนื้อเงิน จำนวนสร้าง 56 องค์

หายาก ลำดับที่ 3.  พระเนื้อผงพิเศษ พิมพ์ใหญ่ (สีดำ) จำนวนสร้าง 216 องค์ ( 2 X108 ) + ลองพิมพ์ (สีเทา) 33 องค์

หายาก ลำดับที่ 4   พระเนื้อผงพิเศษ พิมพ์เล็ก ( สีดำ)

หายาก ลำดับที่ 5   พระกริ่ง เนื้อโลหะผสม (นวะ)

หายาก ลำดับที่ 6   พระเนื้อผงพุทธคุณ โรยแร่ ( สีเขียว ) พิมพ์ใหญ่

หายาก ลำดับที่ 7   พระเนื้อผง ผสมว่าน ( สีแดง ) พิมพ์ใหญ่

หายาก ลำดับที่ 8   พระเนื้อผงพุทธคุณ โรยแร่ ( สีเขียว ) พิมพ์เล็ก

หายาก ลำดับที่ 9   พระเนื้อผงผสมว่าน ( สีแดง ) พิมพ์เล็ก

ลำดับที่ 1 2 3 4 จัดว่าเป็นพระเครื่องที่มี จำนวนการสร้างที่น้อย และ หายากมากเป็นพิเศษ ใครมีไว้ในครอบครองถือว่าเป็นวาสนา หากปล่อยหลุดมือไปแล้ว ก็ยากที่จะมีโอกาสเป็นครั้งที่สอง เนื่องจากพระมีจำนวนน้อย หายากกว่าแบบอื่นๆ

ลำดับที่ 5 พระกริ่งเนื้อโลหะผสม (นวะ) ถือว่าเป็นพระเครื่องที่พบเห็นได้น้อย หายาก แม้แต่คนในพื้นที่น้อยรายที่จะมีไว้ในครอบครอง ส่วนใหญ่จะแจกให้กับผู้ที่สร้างคุณูปการกับทางวัด

ลำดับที่ 6 7 8 9 สำหรับพระผงทั้งสีเขียวและสีแดงนั้น ลำดับความหายากจะใกล้เคียงกัน ไม่ห่างกันมากนัก

* โดยภาพรวมของพระเนื้อผง พิมพ์ใหญ่ จะหายากกว่า พิมพ์เล็ก 

* เนื้อสีเขียว ปกติจะหายากกว่า เนื้อสีแดง เนื่องจาก สีเขียว มีอัตราทำบุญงานกฐินปี 42 ตั้งไว้สูงกว่าสีแดง 2 เท่าตัว

* ลำดับที่ 6 พิมพ์ใหญ่ เนื้อเขียว จะมีความโดดเด่นกว่าลำดับที่ 7 8 9 อย่างชัดเจน ด้วยปัจจัยด้านขนาดและเนื้อมวลสาร

* ส่วนลำดับที่ 7 และ 8 จะค่อนข้างก้ำกึ่งใกล้เคียงกัน ในกรณีนี้ ทางณกุศลจะให้ความสำคัญกับ ขนาด มากกว่าเนื้อมวลสาร จึงจัดให้ลำดับที่ 7 เป็นพิมพ์ใหญ่เนื้อแดง และ รองลงมาอันดับ 8 เป็นพิมพ์เล็กเนื้อเขียว

* เหตุผลที่ณกุศล ให้ความสำคัญในด้านการหายากกับ พิมพ์ใหญ่มากกว่าพิมพ์เล็ก เนื่องจากถึงแม้ทุกพิมพ์ทุกเนื้อจะมีการกำหนดอัตราร่วมบุญไว้ แต่ด้วยความเมตตาของครูบาอาจารย์วัดนี้ ท่านมักจะแจกพระฟรีให้ญาติโยมที่มาวัด ดังนั้นพระพิมพ์เล็กจะถูกนำมาแจกในวาระสำคัญต่างๆ เช่น หลังจบงานกฐิน ปี 2542 มีการแจกพิมพ์เล็กเนื้อแดงฟรี ให้ชาวบ้านทุกคนที่มาวัด ดังนั้นพระพิมพ์เล็กควรจะพบเจอทั่วไปได้ง่ายกว่าพิมพ์ใหญ่

ลำดับที่ 9 พระพิมพ์เล็ก เนื้อแดง ควรจะเป็นพระที่พบเจอง่ายสุด เพราะเป็นพระหลักที่ครูบาอาจารย์ใช้ในการแจกทาน ... ณ ปัจจุบัน หลังจากผ่านมา 20 ปี ( ปี 2562) พบว่าแม้แต่พระพิมพ์เล็กเนื้อแดงที่แจกฟรี ก็ไม่ค่อยพบเจอในพื้นที่ อาจเป็นด้วยว่าชาวบ้านแต่ละคนมีจำนวนพระเครื่องในครอบครองไม่มาก หลายคนจึงหวงแหนเก็บรักษาไว้อย่างดี

* ส่วนคนในพื้นที่ ชาวบ้านที่ไม่มีพระรุ่นนี้เลย ไม่เคยเห็นพระรุ่นนี้เลย ก็ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจาก ไม่ได้ไปร่วมงานบุญที่วัด ... ในวันงานกฐิน ปี พ.ศ.2542 แจกพระฟรี ให้ชาวบ้านทุกคน เข้าแถวยาวเหยียด แม้แต่เด็กตัวเล็กตัวน้อยอายุเท่าไรก็ตาม ล้วนแต่ได้รับแจกฟรีทุกคน คณะสายบุญจากกรุงเทพยังเข้าไปต่อแถวขอรับพระแจกฟรีด้วย เพราะพระเครื่องที่นำมาแจกฟรีนี้ปกติต้องทำบุญอย่างน้อยองค์ละ 100 บาทขึ้นไป จึงไม่มีใครอยากพลาดโอกาสอันดีงาม

บันทึก พระรุ่นปี 2541 ที่โดน เปตร ขโมย

มีพระเครื่องอยู่รุ่นหนึ่ง ซึ่งณกุศลได้ลืมเลือนไปจากความทรงจำนานมาแล้ว คือ พระเครื่องที่สร้างในปี พ.ศ. 2541 แต่เนื่องจากมีสมาชิกในกลุ่ม facebook ของณกุศล ได้ส่งภาพถ่ายมาสอบถาม ประวัติและสรรพคุณเกี่ยวกับพระเครื่องรุ่นนี้ ทำให้ณกุศลตระหนักว่า ถึงจะมีเรื่องที่เรา ไม่อยากจดจำ ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนาน 21 ปี ( นับถึงปี 2562 ) แต่ วัตถุสสารย่อมไม่สูญหายไปจากโลกนี้ ยังคงปรากฎให้คนรุ่นหลังได้พบเจอ

พระเครื่องรุ่นนี้ ทางณกุศลเป็นผู้จัดสร้างเอง ความตั้งใจเดิมนั้นเป็นการสร้างถวายให้วัดหนองเลาในปี พ.ศ.2541 ด้านหลังพระเครื่องจึงมีเขียนบันทึกไว้ว่า วัดหนองเลา จ.มหาสารคาม ๒๕๔๑ แต่ก็มีเหตุทำให้ ไม่สามารถถวายวัดหนองเลา คือ พระเครื่องรุ่นนี้ ทั้งหมดได้ถูก โจร (เปตร) ขโมยไปในระหว่างนำพระฝากปลุกเสกอธิษฐานจิต

ณกุศลได้รับคำแนะนำจากผู้ใหญ่ที่นับถือว่า มีพระผู้เฒ่าองค์หนึ่งซึ่งสนิทและรู้จักกันดีกับผู้ใหญ่ท่านนี้ เป็นพระอริยสงฆ์ที่มีวิชาชั้นเลิศและพลังจิตสูงมาก สมควรที่จะนำพระเครื่องไปให้หลวงปู่ท่านอธิษฐานจิต จึงได้นำพระเครื่องรุ่นนี้ไปฝากอธิษฐานจิต ซึ่งหลวงปู่ก็ยินดีรับไว้ด้วยความเต็มใจ แต่ในช่วงที่ฝากไว้นั้นหลวงปู่ท่านสิ้นอายุขัย มรณภาพไปก่อนที่ณกุศลจะไปขอรับพระเครื่องคืน

เมื่อณกุศลได้ทราบข่าวการมรณภาพของหลวงปู่ฯ เนื่องจากอยู่ไกลจึงได้ส่งตัวแทนไปขอรับพระเครื่องคืนจากทางวัดดังกล่าว ทางบุคคลที่วัดแจ้งกลับว่า ได้ตรวจสอบหลายรอบแล้ว ไม่มีพระเครื่องดังกล่าวอยู่ที่วัด  สรุปคือ พระเครื่องกล่องใหญ่ๆที่มีขนาดมองเห็นได้อย่างเด่นชัดถนัดตา ทั้งหมดหายไปโดยปราศจากร่องรอยให้ตามหา

ในเวลาต่อมา ทางวัดดังกล่าวได้จัดงานวัด มีคนที่ณกุศลรู้จักได้ไปร่วมงานบุญที่วัด และเช่าบูชาพระเครื่องมาจากวัดดังกล่าว ปรากฎว่าพระเครื่องที่จำหน่ายในนามวัดนั้นเป็นพระเครื่องที่ณกุศลได้นำไปฝากเสก แล้วบุคคลในวัดบอกว่าไม่มีของดังกล่าวอยู่ที่วัดนั่นเอง

เมื่อทางวัดหนองเลาได้ทราบข่าว โดยมีพยานบุคคลและหลักฐานทางวัตถุชัดเจน พระสงฆ์ที่วัดหนองเลาจึงได้เดินทางไปวัดดังกล่าวเพื่อขอรับพระเครื่องคืน ปรากฎว่าทางกลุ่มกรรมการวัดดังกล่าว ไม่ยินยอมส่งคืน โดยพยายามขอร้องอ้อนวอน อ้างเหตุผลความจำเป็นต่างๆนาๆ สารพัดที่จะกุเรื่องขึ้นมาให้ดูน่าสงสาร จนพระสงฆ์ทางวัดหนองเลาใจอ่อน ยอมกลับไปมือเปล่า ไม่ได้รับพระเครื่องคืนกลับมาแม้แต่องค์เดียว

จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีข้อสรุปดังนี้

1. พระเครื่องรุ่นนี้ ไม่ถูกบันทึกในประวัติว่าเป็นพระเครื่องของวัดหนองเลา เพราะทางณกุศลซึ่งเป็นเจ้าของ ยังไม่ได้นำถวายให้ทางวัดหนองเลา และพระรุ่นนี้ไม่มีโอกาสได้ออกทำบุญที่วัดหนองเลาแต่อย่างใด เพราะถูกโจร(เปตร)ขโมยไปทั้งหมด

2. พระเครื่องรุ่นนี้ ไม่สามารถนับรุ่น หรือเกี่ยวโยงกับพระสงฆ์องค์ใดที่วัดหนองเลาในช่วงเวลานั้น เพราะยังไม่มีท่านใดได้แตะต้องหรืออธิษฐานจิตพระเครื่องรุ่นนี้เลย

ทางณกุศลเองถึงแม้จะไม่ได้ผูกจิตอาฆาต กลุ่มคนที่ขโมยไป แต่ถ้าจะให้เชื่อว่า เงินจากการจำหน่ายพระเครื่องทั้งหมดถูกนำเข้าช่วยเหลือปัญหาของวัดดังกล่าวตามที่กลุ่มกรรมการวัดขอร้อง ก็คงเชื่อไม่ลง กับกลุ่มคนที่มีการวางแผนล่วงหน้าเจตนาขโมยพระเครื่องเพื่อนำไปขายหาเงิน ผิดศีลเจตนาขโมย ผิดศีลเจตนาโกหก เมื่อความแตกโดนจับได้ก็ยังไม่ยอมคืน ถือว่าจิตอกุศล จิตตกต่ำอย่างหนัก หน้าด้านหน้าทนแบบไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมเปรตถึงยังคงเกิดขึ้นในทุกยุคทุกสมัย

เรื่องนี้คนที่รู้ความจริงและยังดำรงชีพอยู่ เหลืออยู่เพียงไม่กี่คน จากข้อความที่บันทึกไว้หลังองค์พระเครื่องทำให้คนส่วนมากเข้าใจผิด คิดว่าเป็นพระเครื่องที่ออกที่วัดหนองเลาโดยหลวงพ่อหลวงปู่ที่เคารพศรัทธา ณกุศลเคยเห็นบางคนเอามาโชว์ด้วยความภาคภูมิใจ เห็นแล้วก็รู้สึกเวทนาสงสาร ไม่อยากบอกความจริง กลัวเขาเสียใจ

แต่วันนี้คิดว่าถึงเวลาที่ควรบันทึกความจริงให้ปรากฎ เพราะวัตถุสสารย่อมไม่สูญหายไปจากโลกนี้สามารถอยู่ไปได้อีกหลายชั่วอายุคน แต่อายุขัยของคนที่อยู่ทันเหตุการณ์นั้นมีขีดจำกัด เมื่อณกุศลเขียนแนะนำ พระเครื่องวัดบ้านหนองเลา ปี 2542  จนเริ่มเป็นที่รู้จักในสื่อสาธารณะ มีนักขายพระเครื่องจำนวนมากที่เข้าไปขอซื้อโดยตรงจากวัดหนองเลา ( แต่พระหมดจากวัดก่อนหน้าที่ณกุศลจะเขียนแนะนำไปนานหลายปีแล้ว ) และ บางรายเดินหาตามตลาดขายพระเครื่องท้องถิ่นเพื่อนำมาขายให้ผู้ที่ศรัทธา เมื่อไม่ได้ ปี 2542 เจอปี 2541 ก็เอาหมด เพราะคิดว่าอายุเก่ากว่าและหาได้ยาก ราคาควรจะขายได้สูงกว่า ... ถ้าณกุศลไม่เขียนเปิดเผยความจริง สุดท้ายคนที่รับกรรมก็คือผู้ที่ศรัทธา เข้าใจผิดว่าพระรุ่น ปี 2541 ใช้แทน ปี 2542 ที่ณกุศลเขียนบันทึกไว้ได้

ในประเด็นของพุทธคุณนั้นกล่าวได้ว่า

1. พระ ปี 2541 ไม่สามารถใช้แทน พระปี 2542 ได้.. แถม ปี 2541 ยังเป็นของที่ถูกโจร(เปตร)ขโมยไปอีก ถึงแม้ใครจะครอบครองโดยไม่รู้ ไม่เจตนา แต่อย่างไรก็หนีความจริงไปไม่พ้นว่าเป็น สิ่งของที่โดนโจรขโมยไป

2. ในระหว่างพระรุ่นปี 2542 ด้วยกัน พุทธคุณก็ไม่เท่ากัน เนื่องจากได้รับวาระการอธิษฐานจิตไม่เท่ากัน ... พระชุดที่ถวายวัดหนองเลาไปนั้น พุทธคุณจึงไม่สามารถนำมาใช้ทดแทน พระชุดที่หลวงปู่ทองดำบรมครูอธิษฐานจิตเพิ่มเติมให้ได้ 

บันทึกประวัติและความจริง จากผู้จัดสร้าง เพื่อป้องกันความสับสน และ ป้องกันการนำไปใช้หลอกลวงกัน

บันทึกเปิดความจริงครั้งแรกเมื่อ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 โดย ณกุศล ผู้จัดสร้างพระเครื่องรุ่นปี 2541

หลวงปู่ทองดำ บรมครู สายณกุศล

หลวงปู่ทองดำ บรมครู สายณกุศล ( ณ กุศล)

หลวงปู่ทองดำ เป็นพระอริยสงฆ์ที่เคยดำรงธาตุขันธ์ในอดีต และเป็นครูบาอาจารย์องค์แรกของณกุศลในด้านสมาธิจิตสายพุทธศาสนา ที่มีการจัดพิธีกรรมรับศิษย์อย่างครบถ้วนสมบูรณ์

การเขียนเรื่องราวของหลวงปู่ทองดำ เป็นเพียงการบันทึกเรื่องราวประสบการณ์ส่วนหนึ่งในชีวิตของณกุศล ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่ทองดำในฐานะอาจารย์และลูกศิษย์ ผ่านกาลเวลายาวนานหลายสิบปีจนท่านมรณภาพจากโลกนี้ไป ซึ่งหากไม่บันทึกไว้ก็จะขาดสาระสำคัญหลายอย่าง เช่น ที่มาของวิชาดวงธาตุที่ณกุศลได้นำมาใช้ มาจากไหน มาจากใคร

บันทึกของณกุศล เป็นเพียงการบันทึกประสบการณ์ชีวิตส่วนตัวของณกุศล ไม่ใช่การเขียนชีวประวัติของหลวงปู่ทองดำ ดังนั้นจึงไม่มีการเจาะลึกในประวัติชีวิตส่วนตัวของท่าน ตลอดจนไม่มีการไปเที่ยวตามสัมภาษณ์ใครต่อใครเพื่อนำมาเขียนหรือจัดทำหนังสือชีวประวัติตามแบบที่วงการพระเครื่องนิยมทำกัน

  • อะไรที่ณกุศลรู้ ก็จะทยอยเขียนไป
  • อะไรที่ณกุศลไม่รู้ ก็ปล่อยวางไว้ ไม่มีความจำเป็นต้องดิ้นรนหามาเขียนเพราะ ไม่ได้เขียนชีวประวัติของท่าน
  • ส่วนอะไรที่รู้แต่เขียนแล้วจะเกิดความวุ่นวาย เพราะคนจะฉวยโอกาสเอาไปใช้หลอกลวงคนอื่น ก็ไม่สามารถเขียนบันทึกให้อ่านกันได้ 

ณกุศลไม่มีเวลาในชีวิตเหลือมากพอ ที่จะมาคอยตามตรวจสอบ ตามเขียนแก้ข่าวเท็จ หรือ เขียนเตือนเรื่องราวต่างๆที่ถูกนำเอาไปใช้หลอกลวงหาผลประโยชน์กัน และไม่ประสงค์จะใช้เวลาในชีวิตที่เหลือน้อยแล้วไปทะเลาะเบาะแว้งกับบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ อย่างไม่รู้จบรู้สิ้น

ตราบใดที่มีช่องทางให้หาผลประโยชน์ได้ ตราบนั้นย่อมมีผู้พยายามดิ้นรนแสวงหาไขว่คว้า แม้ต้องแลกมาด้วยการหลอกลวงทุจริตนานับประการ ก็ยังทำกันโดยปราศจากความละอายใจ หรือเกรงกลัวต่อบาปกรรม

ชีวประวัติของหลวงปู่ทองดำบรมครู ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้โดยง่าย หลวงปู่ฯไม่เคยอนุญาตให้ใครสัมภาษณ์เพื่อเขียนชีวประวัติของท่าน  แม้แต่ภาพถ่ายก็ไม่อนุญาติให้ใครถ่ายภาพ เนื่องด้วยครูบาอาจารย์ของหลวงปู่ฯไม่อนุญาตให้ทำตัวโดดเด่นมีชื่อเสียง ความโด่งดังจะนำมาซึ่งความวุ่นวายทางโลกในเรื่องต่างๆมากมายนานับประการ ดังนั้นในช่วงที่หลวงปู่ทองดำยังดำรงขันธ์อยู่นั้นท่านจะเน้นไปที่ด้านการปฏิบัติธรรมฝึกฝนจิตเป็นหลัก ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่อง ชื่อเสียง เงินทอง ลาภสักการะ ตำแหน่งสมณศักดิ์ ท่านจึงไม่เป็นที่รู้จักในสื่อสาธารณะใดๆ ไม่ใช่พระเกจิอาจารย์ปลุกเสกมนต์ขลัง ไม่ใช่พระดูดวงทำนายดวงชะตา ไม่ใช่พระที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และ ในอดีต ก่อนที่ณกุศลจะเขียนบันทึก ไม่เคยมีใครกล่าวถึงท่านในสื่อสาธารณะใดมาก่อนทั้งสิ้น กล่าวได้ว่า ณกุศลเขียนเริ่มต้นจากศูนย์ ความว่างเปล่า ไม่มีการโหนกระแสชื่อเสียงหรือความโด่งดังใดๆของหลวงปู่ทองดำทั้งสิ้น

บทความทั้งหมดที่ณกุศลได้เขียนขึ้นมา ล้วนแต่เขียนหลังจากที่หลวงปู่ทองดำได้มรณภาพจากไปแล้วหลายปี จึงไม่มีผลกระทบใดๆกับการปฏิบัติหน้าที่ในทางธรรมของหลวงปู่ฯ

หลังจากที่ณกุศลได้เขียนเผยแพร่เรื่องราวของหลวงปู่ทองดำไปแล้ว ไม่แน่ว่า ในอนาคตอาจมีบุคคลอื่นๆเปิดตัวโดยระบุว่า เป็นศิษย์ใกล้ชิด เป็นศิษย์ผู้รับสืบทอดวิชา เป็นคนใกล้ชิด เป็นลูกหลานของหลวงปู่ทองดำบรมครู หรือพยายามเชื่อมโยงกล่าวอ้างความสัมพันธ์อย่างใดอย่างหนึ่งว่าตนเองนั้นมีความเกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่ทองดำที่ณกุศลได้เขียนกล่าวถึงในบทความ  ซึ่งหากมีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นขอให้เตือนใจตนเองไว้ก่อนเลยว่าเป็น มิจฉาชีพ สวมรอยมาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง อาจมาเพื่อหาผลประโยชน์เป็นทรัพย์สินโดยตรง หรือ เพิ่มเครดิตให้ตนเองดูน่าเชื่อถือมากขึ้น เพื่อได้รับผลประโยชน์ที่มากขึ้นกว่าเดิม

ถือว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไปของคนที่ต้องการ ฉวยโอกาส หรือสวมรอย แสวงหาผลประโยชน์ นิยมจะมากันในแนวนี้ เป็นมุกเก่าที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแต่ปัจจุบันก็ยังนิยมใช้กันอยู่ทั่วไปเพราะง่าย ลงทุนน้อย ได้ผลประโยชน์เร็ว ... ไม่ต้องลงทุนลงแรงเสียเวลาเพาะปลูกต้นกล้าแห่งศรัทธา มาถึงก็อวดอ้างความสัมพันธ์แล้วเก็บเกี่ยวดอกผลได้เลย ... หากพบเจอ ขอให้ทุกท่านใช้ สติ+ปัญญา+วิจารณญาณ อย่างรอบคอบ  คนที่ปกติร้อยวันพันปีไม่เคยปรากฎว่าเกี่ยวข้องกับหลวงปู่ทองดำ อยู่ๆจะมาเปิดตัวเพราะเหตุใด ถ้าไม่ใช่เพราะความโลภเกินห้ามใจ ( ห้ามอ้างว่าเปิดตัวมาเพื่อเผยแพร่กิตติคุณของหลวงปู่ฯ หรือเอางานบุญบังหน้า ตามแบบมุกเดิมๆที่นิยมใช้อ้างกัน )

 

Pages